Bonus Track [ Don't flirt ] - 02 END





[Don't Flirt]

- ตอนที่ 2 -





เวลา 6.30 น.
กริ๊งงง...สายเรียกเข้า >> มะนาว

รู้สึกเปรี้ยวแต่เช้ากันเลยทีเดียว...

หลังจากที่เมื่อคืนโดนอ่อยจนตกหลุมพรางรับงานไปแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ก็จัดการความค้างให้หายอึดอัดอย่างโดดเดี่ยวในห้องน้ำด้วยความเศร้าสร้อย

นอกจากจะจนแล้วยังโดนหลอกง่ายอีก น่าสงสารสมชื่อจริงๆกู

กะว่าวันต่อมาจะแก้แค้นด้วยการหนี แต่ยังไม่ทันได้ลืมตาตื่นดี ก็มีเสียงสวรรค์จากเบื้องบนโทรมาตามแล้ว

“ครับ” รับสายจากคุณนายด้วยความงัวเงีย

 - ยังไม่ตื่นอีกเหรอ -

คือกูละเมอพูดมั้ง

“ตื่นแล้วครับ”

- วันนี้ตอนบ่ายโมง มาหาฉันที่โรงแรมด้วย -

ได้ยินคำว่าโรงแรมมือนี่ถึงกับสั่น

ทำไมคนเราถึงมีความต้องการมากมายขนาดนั้น ที่ห้องน้ำเมื่อคืนยังไม่สาแก่ใจอีกรึไง

นี่ถึงเวลากูต้องเสียตัวจริงๆแล้วใช่ไหม บอกที

- เงียบทำไม ตอบสิ -

“ครับ”

- มาให้ตรงเวลาล่ะ ไม่งั้นฉันตัดเงิน -

อยากจะกราบขอโทษพ่อแม่ที่โตมาแล้วต้องมาทำอาชีพแบบนี้ แต่ลืมไปว่าไม่มีพ่อแม่

ใช่...กูมันตัวคนเดียว

ใช่...กูจะทำอะไรก็ได้

น้ำตามึงอย่าไหลสิไอ้สง ทางเดินชีวิตมึง มึงเลือกเอง



โรงแรม แกรนด์ ปริ๊นเซส ซิตี้

“เชิญครับ”

หลังจากโหนรถเมล์มาลงป้ายหน้าโรงแรม ก็มีชายชุดดำเดินมานำทางไปยังห้องคุณนายทันที

ดูเผินๆนี่เหมือนกูเป็นผู้ดี มีบอดี้การ์ด

แต่ไม่ครับ เขามารับกูไปขายตัว....


“มาถึงแล้วก็รีบเข้ามาสิ จะยืนรออะไร”

คุณนายนี่ก็ใจร้อนจริงๆ แต่พี่สงก็เข้าใจนะ ว่าความต้องการมันห้ามกันยาก

แต่ว่า...

เมื่อเดินเข้ามาในห้องก็รู้สึกเหมือนสถานการณ์มันจะต่างไปจากที่คิด เพราะกระผมไม่ได้เป็นคนเดียวที่อยู่ในที่แห่งนี้

คนมากหน้าหลายตาเดินขวักไขว่กันให้วุ่นจนตาลายไปหมด

“นายจะยืนงงอีกนานไหม มานั่งตรงนี้สิ”

“อะ เอ่อ ครับๆ” ตอบก่อนจะเดินฝ่าฝูงชนไปนั่งบนเก้าอี้

หรืองานแรกของกูจะเป็นอารมณ์ 10 ต่อ 1 วะ

ไม่นะ...กูไม่พร้อม


“ทำหน้าตื่นตกใจอะไรขนาดนั้น”

“มันไม่น่าไว้ใจไงคุณ” ว่าแล้วก็ยกมือขึ้นมากระชับคอเสื้อตัวเองก่อนจะงอตัวเล็กน้อย

“นี่อย่าบอกนะว่านายกำลังคิดอะไรแปลกๆ”

“แล้วคุณเรียกผมมาทำไมล่ะครับ”

“เดี๋ยวก็รู้”

คุณนายพูดก่อนจะดีดนิ้วเรียกคนๆหนึ่งเข้ามา คนๆนั้นที่คุณนายเรียกเขาว่า เจ๊

เจ๊คนนั้นเดินเข้ามาด้านหลังเก้าอี้ ก่อนจะมองหน้าผมอย่างพิจารณา

อย่ามองนาน กูกลัว...


“จัดให้นาวหน่อยนะเจ๊”

เดี๋ยวก่อน...

จัด...จัดอะไร

นี่มันไม่ใช่สเปคกู๊


“ไม่ต้องห่วงนะคะน้องนาว ฝีมือระดับเจ๊กำชัย ไว้ใจได้”


กูไม่ไว้ใจตั้งแต่มึงชื่อ กำชัยแล้ว...


“โอเค งั้นนาวจะรอดูผลงานนะ”

“รอชมได้เลยจ้า”


คุณนายพูดสั่งเสีย เอ่อ...ฝากฝังผมไว้กับเจ๊กำชัย ก่อนจะหันหลังแล้วเดินออกไป

“คุณ จะไปไหน คุณ!!”

“ฉันจะไปรอข้างนอก”

“อยู่เป็นเพื่อนผมก่อนสิคุณ..”


“โอ๊ยตายแล้วว เจ๊อิจฉา อย่าหวานเกินหน้าเกินตาได้ไหมคะ ขาดแฟนแค่ไม่กี่นาที คงไม่ตายหรอกมั้งสุดหล่อ”

แฟน?

“เอ่อ คือว่า ผม..”


“พอดีแฟนนาวเพิ่งกลับมาจากอังกฤษน่ะเจ๊ ก็เลยยังปรับตัวไม่ค่อยได้”

อังกฤษ? ใครวะ...กู?

“อ่อ แบบนี้นี่เอง ไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวเจ๊ดูแลให้อย่างดีเลย”

คุณนายพยักหน้าให้ แล้วประตูก็ปิดไป  เหลือทิ้งไว้เพียงความเงียบ...

"..."

สบตากับเจ๊กำชัยในกระจก...รู้สึกขนลุกแม้ไม่ได้ปวดขี้...


“มา สุดหล่อ เรามาจัดการเรื่องของเรากันต่อดีกว่า”

เรื่องของเราอะไร กูยังไม่พร้อมเกี่ยวดองกับใครทั้งนั้น


“ไหนนั่งตรงๆให้เจ๊ซิ”

“เอ่อ...จะทำอะไรครับ”

“ก็เสริมหล่อยังไงล่ะคะ”

“เสริมหล่อ?

“ใช่ค่ะ เดี๋ยวเจ๊จะจัดให้แบบ วัวตายควายตะลึงไปเลย”


ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

บอกตรงๆว่าก่อนหน้านี้ในหัวนี่จินตนาการไปถึงไหนต่อไหน

ที่แท้กูก็คิดมากเกินไปสินะ...


“ว่าแต่...สุดหล่อชื่ออะไรเหรอ”

“สงครับ”

“สง?

“ครับ”

“อ๋ออ เจ๊เก็ทแล้ว ความจริงชื่อซองใช่ป่ะ ซองที่แปลว่าเพลง อะไรแบบนี้"

"เอ่อ.."

 "ไม่เป็นไรนะคะ เพิ่งกลับมาเมืองไทย  อยู่ไปนานๆเดี๋ยวก็พูดชัด”

...

คือกูชื่อ สง

ซอง อะไรมึ๊ง



1 ชั่วโมงผ่านไป...

หลังจากนั่งหลับๆตื่นๆให้เจ๊กำชัยละเลงหน้ากับทรงผมแล้วก็ได้เวลาลืมตาดูโลก

“เพอร์เฟคระดับผัวออฟเดอะเยียร์มากๆค่า ถ้าน้องนาวเห็นต้องประทับใจแน่ เจ๊คอนเฟิร์ม”

เมื่อได้พิจารณาหน้าตาของตัวเองผ่านกระจกแล้ว บอกเลยว่าเสียงเจ๊กำชัยนี่ไม่ได้เข้าหูกูเลยแม้แต่น้อย

นี่คือตัวกูจริงๆใช่ไหม...

เหยดเข้...

หล่อจนโลกลืม

ลืมไปเลยว่าเคยขายขวด

หลังจากนั้นทีมงานก็เอาชุดสูทต่างๆมาเทียบ จับกูหมุนตัวจนเวียนหัวไปหลายรอบ กว่าจะได้ชุดที่ลงตัวพอใจเจ๊กำชัยเขา ก็เล่นเอาเกือบท้อ


"ใส่ชุดไหนก็หล่อ เจ๊ลำบากใจ"

อย่าว่าแต่เจ๊เลย ผมก็ลำบากครับ

“เป็นยังไงคะ ฝีมือเจ๊”

ก็ต้องยอมรับว่าเจ๊นี่มีฝีมือในการเปลี่ยนคนขายขวดให้ดูเป็นผู้ดีได้ภายในไม่กี่นาทีอ่ะนะ

“โคตรเก่ง”

“ตายแล้ว เด็กนอกรู้จักคำว่าโคตรด้วย ใครสอนคะ เดี๋ยวเจ๊ตีปากด้วยปากเลย”

ลามปามกูละไง...

เด็กนอกไรมึ๊ง


“เจ๊ไปเรียกน้องนาวเข้ามาดูผลงานดีกว่า”

"ครับ"

ไม่นาน คุณนายก็เดินเข้ามา ก่อนจะยืนกอดอกมองผลงานที่สร้างโดยเจ๊กำชัย

เกลียดสายตาที่มองอย่างพิจารณานั่นชิบหาย ขอซื้อต่อได้ไหม

อ่อ ลืมไป...กูไม่มีตังค์


“เป็นยังไงบ้างคะน้องนาว พอใจไหมเอ่ย”

“ดีกว่าที่คิดไว้อีก”

"เจ๊บอกแล้วว่าเชื่อใจเจ๊ได้ หน้าคมๆกับทรงผมอันเดอร์คัตแบบนี้ เจ๊บอกเลยว่า งานคืนนี้ไม่มีใครฆ่าแฟนน้องนาวได้เลยค่ะ"

"ขอบคุณนะครับเจ๊"

“จ้าาา งั้นเจ๊ขอตัว โอกาสหน้าไว้เรียกใช้บริการเจ๊ใหม่นะคะ”

เมื่อเจ๊กำชัยและทีมงานออกไป ภายในห้องก็เกิดความเงียบขึ้นอีกครั้ง

คุณนายเดินตรงไปยังโซฟาหนังที่ตั้งอยู่ติดริมหน้าต่างกระจกบานใหญ่ที่มองเห็นวิวด้านล่างกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงไขว่ห้างแล้วเรียกผมให้เข้าไปหา

ผมนั่งลงข้างๆบนโซฟาตัวเดียวกัน

กระดาษเอสี่ สองสามแผ่นถูกยื่นมาให้


“อ่านออกใช่ไหม”

“ถึงผมจะจนแต่ผมก็ไม่ได้โง่นะคุณ”

“งั้นก็ดี เพราะนี่คือสิ่งที่นายต้องท่อง แล้วจำภายใน 3 ชั่วโมง”

...

ที่เรียกให้มาหานี่ ไม่ได้จะต่อจากเมื่อคืนเหรอวะ...

อยู่ๆให้มาท่องจำอะไร...ถามว่างงไหม...บอกเลยว่ามาก

ถึงจะงงมาก แต่ก็ต้องทำ

ว่าแล้วก็ไล่อ่านสิ่งที่คุณนายยื่นมาให้ตั้งแต่บรรทัดแรก

เป็นคำถามและคำตอบ เหมือนที่ดาราชอบให้สัมภาษณ์กับนักข่าว เขาเรียกว่าอะไรนะ

“ให้ผมท่องสครับเหรอคุณ”

“เขาเรียก สคริป”

อา...โชว์โง่อีกแล้วกู

“นายต้องท่องให้หมด เพราะนายต้องไปงานกาล่าดินเนอร์กับฉันคืนนี้”

หมาล่าอะไรวะ...

“นายนี่เกิดมาเพื่อทำหน้างง ถูกไหม บอกให้ท่องก็ท่องไป ไม่ต้องสงสัยอะไรทั้งนั้น เพราะถ้าถึงเวลางานเมื่อไหร่ แล้วนายไม่สามารถตอบคำถามพวกนี้ได้ นอกจากนายจะไม่ได้เงินค่าจ้างแล้ว ฉันจะไล่นายออกทันที”

คนรวยก็แบบนี้ล่ะ เอะอะก็งัดเรื่องเงินมาขู่ นี่ถ้าไม่ติดว่าจนนะ กูรวยไปแล้ว

"ถามจริงๆนะคุณ ทำไมคุณต้องจ้างผมให้มาทำอะไรแบบนี้"

"ก็แล้วทำไมต้องถามเยอะ"

"ก็ผมอดสงสัยไม่ได้นี่คุณ"

"ฉันจะบอกให้นายเข้าใจง่ายๆนะ"

"ครับ"

"คือคนอย่างฉัน ไม่เคยมีครั้งไหนที่ไปออกงานแล้วไม่มีคู่ควง"

"แล้วทำไมต้องมีคู่ควงด้วยล่ะคุณ ออกงานคนเดียวไม่ได้รึไง"

...

คุณนายนิ่งไป...รู้สึกเหมือนกำลังโดนด่าทางสายตา


"นายไม่เข้าใจหรอกว่าคนที่ถูกจับตามองตลอดเวลามันรู้สึกยังไง"

"คือผมก็ไม่เข้าใจจริงๆนั่นแหละคุณ การไม่มีคนควงมันผิดมากเหรอ"

"มันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรี"


ศักดิ์ศรี...อย่าพูดถึงคำนี้ พี่สะเทือนใจ


"ฉันเบื่อพวกคุณหญิงคุณนายไฮโซทั้งหลายที่ชอบเอาเรื่องผู้ชายของตัวเองมาอวด"

"คุณก็เลยจะควงผมไปอวดเขาบ้าง"

"ที่นายพูดก็ไม่ผิด"

"แล้วคนจนๆอย่างผมมันมีอะไรน่าอวดล่ะคุณ"

"นี่แหละคือพ้อยท์สำคัญ"

"พะ พ้อยท์?" คืออะไรวะ

คุณนายถอนหายใจก่อนจะเริ่มอธิบายอีกครั้ง "ความจนของนายนี่แหละ คือจุดแข็ง"

เพิ่งเคยเห็นคนที่คิดว่าความจนคือจุดแข็งก็วันนี้แหละกู

"คนที่ฉันควงออกงานแต่ละครั้งที่ผ่านมา ถ้าไม่รวยมากๆก็ต้องเป็นที่มีหน้ามีตาในสังคม แต่ก็นั่นแหละ บางคนก็จงใจเข้าหาฉันเพราะหวังผลประโยชน์ทางธุรกิจ ซึ่งคนพวกนั้น มักจะเป็นที่รู้จักในแวดวงการค้าเป็นอย่างดีอยู่แล้ว นั่นหมายความว่า การนินทาจะเกิดขึ้นอย่างง่ายๆ"

"แล้วไงคุณ"

"รู้จักการรียูสไหม"

รียูสไม่รู้จัก รู้จักแต่รีไซเคิล


"ในเมื่อผู้ชายพวกนั้นเป็นที่รู้จัก ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะได้ยินการนินทาเรื่องการคบซ้ำซ้อน คนนี้เคยคบกับคนนั้น คนนั้นเคยควงกับคนนี้ คนไหนเป็นแมงดา คนไหนเป็นเห็บหวังจะเกาะ เป็นวังวนน่าเบื่อที่ฉันอยากจะออกมา พูดง่ายๆว่า ฉันไม่อยากใช้ของซ้ำกับใคร เพราะฉะนั้น ความจนจึงเป็นจุดแข็งของนาย เพราะไม่มีใครรู้จัก"

"..."

"เสียเงินไม่ว่า แต่เสียหน้า ไม่ได้"

"อา...ผมว่า ผมพอจะเข้าใจแล้วล่ะ"

"ก็ดี ที่ยังมีความฉลาด"

"..."

"นั่งเฉยๆทำไม ท่องต่อไปสิ"

“ครับๆ”


พอได้ฟังเหตุผลจากคุณนายแล้วก็เหมือนจะเข้าใจ แต่คิดๆไป ก็ไม่เข้าใจอยู่ดี ทำไมต้องลงทุนขนาดนี้

ไม่รับรู้อะไรทั้งนั้นแหละกู รู้แค่ว่าได้ตังค์ก็ทำต่อไป


ไล่อ่านสิ่งที่คุณนายให้มาก็ยิ่งเริ่มไม่แน่ใจว่า นี่โดนจ้างมาเป็นคู่ควงหลอกๆหรือโดนจ้างมาเป็นดารา

กับคำถามประเภท เจอกันครั้งแรกเมื่อไหร่ คบกันมานานแค่ไหน ที่บ้านทำอาชีพอะไร ต่างๆ...คือคนเราจะขี้เสือกเรื่องชาวบ้านได้มากขนาดนี้เลยเหรอวะ

ระหว่างที่กำลังนั่งอ่านอยู่ก็รู้สึกว่า หาสมาธิแทบไม่เจอเลยตอนนี้

ก็คุณนายเล่นนั่งมองหน้ากดดันกันตลอดเวลา แล้วใครมันจะไปจำได้...


 “คุณ”

“อะไร...”

“ผมไม่มีสมาธิ หยุดมองหน้าก่อนได้ไหม”

“ทำไมล่ะ จ่ายตังค์ไปแล้ว ก็ต้องมองให้คุ้มสิ”

หล่อมาก ลำบากใจ...

ถอนหายใจก่อนจะละสายตาจากแผ่นกระดาษมามองหน้าคุณนายแทน

“พอใจลูกจ้างมากเหรอครับ”  พูดก่อนจะขยับตัวเข้าไปใกล้...

“ถ้าไม่พอใจ...ก็คงไม่จ้าง” คนตรงหน้า ก็ไม่คิดจะถอยหนี


“แล้วพอใจส่วนไหนเหรอครับ” ขยับเข้าไปใกล้อีก...

“เป็นแค่ลูกจ้าง อย่าถามมากได้ไหม..” ระยะห่างระหว่างใบหน้า สั้นลง...

“ผมคิดว่า...งานนี้มันยาก” ตาคม มองลึก

“ฉันชอบ ความท้าทาย” ดวงตาเรียว จ้องกลับ


“แล้วถ้าโดนจับได้ล่ะครับ” ปลายจมูก สัมผัสกัน

“ไม่กลัวหรอก..”

“เก่ง”

“เพิ่งรู้เหรอ”

ลมหายใจ แนบชิด...


ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เขาทำลงไปแบบนั้น มันเหมือนกับใบหน้าหวานของคนตรงหน้ามีแรงดึงดูดอะไรบางอย่าง

จะว่าเป็นแรงดึงดูดของเงินก็ไม่ใช่  แค่พอได้มองหน้าแล้วมันคิดอะไรไม่ออกนอกจากอยากลงมือทำ

ยอมรับว่าจูบในห้องน้ำตอนนั้นทำเอาสติเขาหายไปหมด จะนั่ง จะเดิน จะนอน ก็คิดถึงแต่เหตุการณ์ในคืนนั้น ความหวานที่ลืมไม่ลง...

ไม่แน่ใจว่าถูกคุณนายเล่นของใส่หรืออะไร เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น ตัวเขาก็คงโดนของเข้าอย่างจังเลยล่ะ


ริมฝีปากขยับเข้าหากัน อ้อยอิ่งราวกับว่าจะเก็บทุกรายละเอียดที่ได้สัมผัส
บดเน้นราวกับจะย้ำว่า เรื่องในห้องน้ำคืนนั้นไม่ใช่ความฝัน
เรียวลิ้นดึงดูดเกี่ยวพัน ราวกับแม่เหล็กที่ยากจะแยกออก

“ฮื่ออ”  เสียงหวานครางตามจังหวะการไล่ต้อนของคนตรงหน้า

มือหนาสอดแทรกเข้าไปในเสื้อขาวตัวบาง ก่อนที่ปลายนิ้วร้อนจะสัมผัสแผ่นหลังเนียน

คนบ้าอะไรวะ นุ่มนิ่มไปหมด

มือหยาบๆที่เคยชินกับการเก็บขวด แบกปูนมาครึ่งค่อนชีวิต พอได้มาสัมผัสอะไรแบบนี้แล้วมันรู้สึกดีจนอยากจะกดให้จมลงโซฟาแม่ง

“อื้ออ ทำอะไร”

ปากก็ถามว่าทำอะไร แต่สายตานี่อ่อยไม่ทน

การที่กระผมพลิกตัวแล้วคร่อมคุณอยู่นี่ เขาเรียกนั่งสมาธิมั้งครับ

ว่าแล้วก็ฝังจมูกลงไปที่ซอกคอ นอกจากจะขาวแล้วยังหอมชิบหายอีก


“อื้ออ เสื้อยับ”

...

“จังหวะนี้ใครเขาห่วงเสื้อกันล่ะคุณ”

“ก็จะห่วงอ่ะทำไม”

“เดี๋ยวผมรีดให้”

“ไม่เอา”

คุณไม่เอา แต่ผมจะเอา...

“งั้นถอดเลยไหมครับ จะได้ไม่ยับ”

ป๊าบ ไหล่กว้างถูกมือขาวตีเต็มแรง ก่อนที่ร่างหนาจะถูกดันจนตกโซฟา

...

สงผิดอะไร...

ภาพในอดีตยังจำฝังใจ...อย่าบอกนะ ว่ากูกำลังจะโดนเทซ้ำซ้อน

นอกจากจะสงสารตัวเองแล้ว ก็ยังต้องมานั่งมองหน้าคุณนายด้วยความสงสัย

เมื่อกี๊ยังครางอยู่เลย อยู่ๆมาหยุดกะทันหันอีกแล้ว สง งงมาก


“นาย”

“ครับ”

“จำไว้เลยนะ เป็นแค่ลูกจ้าง ไม่มีสิทธิ์มาลวนลามฉันก่อนได้รับอนุญาต”

อ้าว...

“แต่เมื่อกี๊คุณยัง..”

“ถ้าฉันไม่ได้สั่งก็ห้ามทำ”

แล้วใครมันเคลิ้มจนจิกไหล่กูเป็นรอยแดงขนาดนี้วะ...

เล่นตงเล่นตัวสักนิดก็ไม่มี


“ที่ฉันให้ท่องน่ะ จำได้รึยัง”

“น่าจะจำได้มั้งครับ”

“ไหนมาลองทดสอบดูซิ”

"คุณ"

"อะไร"

“คือว่า...ก่อนจะเริ่มทดสอบ ผมขอไปเข้าห้องน้ำก่อนได้ไหม”

“...”

แค่ขอไปเข้าห้องน้ำทำไมคุณนายต้องหน้าแดง

“ก็ตามใจสิ”

“เข้าด้วยกันไหมคุณ” คือบอกตรงๆว่าอะไรๆมันก็ยังค้างอยู่

“ไม่!! รีบไปเลยนะ”

"เอ่อ..คุณ"

"อะไรอีกล่ะ!"

"ผมขอเรียกชื่อคุณได้ไหม"

คำตอบของคุณนาย คือหมอนจำนวนหลายใบปาใส่กระผมไม่ยั้ง

แหม่...ทำเป็นไล่  ขาดสงไปแล้วจะรู้สึก



10 นาทีผ่านไป ทำให้ดี ทำให้ไว เพราะกลัวคุณนายจะรอนาน

“เสร็จแล้วเหรอ”

“ก็ยังไม่ค่อยเสร็จดีเท่าไหร่ครับ”

“หยาบคาย”

ทำเป็นรับไม่ได้ โถ่..

 “มาเริ่มทดสอบได้แล้ว”


คุณนายนั่งไขว่ห้างก่อนจะเอ่ยถาม

“คุณชื่ออะไร”

“ซองครับ ซองที่แปลว่าเพลง” สุดท้ายกูต้องใช้ชื่อนี้ ชื่อสงมันไม่เพราะตรงไหนวะ

“ไม่ทราบว่าตอนนี้ทำอะไรอยู่เหรอ”

“ไม่ได้ทำอะไรครับ นั่งกินนอนกิน พอดีที่บ้านรวยมาก” ไม่เคยรู้สึกอยากเอาตีนแนบหน้าตัวเองขนาดนี้มาก่อน คนห่าไร ตอบคำถามได้โคตรน่าหมั่นไส้ชิบหาย

“เวลาตอบคำถาม ทำหน้าให้มันหยิ่งๆหน่อยสิ”

“ผมต้องตอบแบบนี้จริงๆเหรอคุณ” นี่ถ้าไปพูดแถวไซท์ก่อสร้างมีหวังโดนฆ่าโบกปูนไปแล้ว บอกเลย

“ใช่ ทำยังไงก็ได้ให้ดูรวยที่สุด”

“ครับๆ” เอาตามที่คุณนายสบายใจเลยครับ

“คบกันมานานรึยัง”

“สามเดือนแล้วครับ”

“อะไรในตัวมะนาวที่ทำให้คุณหลงรักเหรอ”

“คำถามนี้ไม่มีนี่คุณ”

“ก็จะทดสอบไหวพริบนายเวลาโดนถามอะไรนอกเหนือจากที่มีสคริปไง”

“อ่อ ครับ”

“ตอบสิ”

“เอ่อ...”


ถ้าจะตอบว่า ผมหลงรักคุณเพราะ เงิน  มีหวังได้โดนคุณนายฟาดด้วยหลังมือแน่ๆ

เอาไงดีวะ...


“คิดนานไปนะ”

“คือ...ที่ผมตกหลุมรักคุณก็เพราะว่า...”

“เพราะว่า...”


“ดูรวมๆแล้วมีเสน่ห์เหลือเกิน”

“...”

เงียบ

เงียบทำไม...คำตอบนี้ไม่ได้คิดกันง่ายๆนะครับ คือมั่นใจว่าเฉียบอยู่พอตัว

“ช่วยตอบอะไรให้มันดูสร้างสรรค์หน่อยได้ไหม”

“แล้วที่ผมตอบมันไม่สร้างสรรค์ตรงไหนล่ะคุณ”

“ก็ช่วยทำให้ดูจริงใจกว่านี้หน่อยสิ ขืนนายพูดแบบนี้ออกไปคนอื่นเขาก็รู้กันหมด ว่าฉันโกหกอ่ะ”

“ไหนคุณบอกว่าไม่กลัวโดนจับได้ไง”

“พอ อย่าเถียง มีเวลาอีก 1 ชั่วโมงก่อนเริ่มงาน นายนั่งท่องต่อไปเลย”


1 ชั่วโมงผ่านไป ห้องโถงสุดหรูภายในโรงแรมคราคร่ำไปด้วยผู้คนมากมายที่มองจากยอดดอยก็รู้ว่ารวย มารวมตัวกัน

บอกตรงๆว่าเดินเข้ามานี่ตาแทบบอด

แสงเพชรมันแยงตาพี่สงจนแสบไปหมด


“จำได้ใช่ไหม ที่ท่องมา”

คุณนายที่ควงแขนผมอยู่เอ่ยถาม

“ครับ”

“ให้มันเนียนๆล่ะ”

“ถ้าความแตกล่ะคุณ”

“นายต้องจ่ายฉันคืนเป็นสิบเท่า”

ขู่กันแบบนี้ ขานี่สั่นเลย...

ว่าแล้วก็ยืดตัวตรงอัตโนมัติประหนึ่งว่ามีวิญญาณคนรวยเข้าประทับร่างทันที

งานนี้ ถ้าถูกจับได้ขึ้นมาอย่าถามเลยว่าจะหาเงินจากที่ไหนมาใช้

ลำพังทั้งเนื้อทั้งตัวก็มีดีแค่หน้าตา

เพราะฉะนั้น มึงจะพลาดไม่ได้ ไอ้สง มึงต้องเนียน ท่องไว้


หันมองไปทางคุณนายที่ดูเหมือนว่าจะเชิดหน้าเป็นเรื่องปกติตั้งแต่คลอดออกมาจากท้องแม่

เมื่อยคอบ้างไหม อยากถาม


ระหว่างทางเดินก็ได้ยินเสียงซุบซิบมาตลอด คุณนายเคยบอกว่าตัวเองเป็นที่จับตามอง ก็ไม่คิดว่าจะโดนมองขนาดนี้


แฟนใหม่คุณมะนาวเหรอแก งานดีเวอร์


แหม่...โดนคนรวยชม เกร็งเลยกู


คนเก่าว่าดีแล้วนะ แต่คนนี้แบบ อยากถามว่าไปหามาจากไหน


ก็จากเพิงสังกะสีข้างไซท์ก่อสร้าง


ลูกตระกูลไหน ไม่เคยเห็นเลย ฉันพลาดไปได้ยังไง


อยากรู้เหมือนกันว่าตระกูลไหน รู้แค่ไม่ค่อยจะมีที่ไป ก็สะเทือนใจมากอยู่



“อุ๊ยตายแล้ววว สวัสดีค่ะคุณน้องมะนาว” มนุษย์ป้าท่าทางรวยคนหนึ่งเอ่ยทัก ก่อนที่กลุ่มหญิงแท้และหญิงเทียมที่ยืนอยู่บริเวณนั้นจะแห่กันเข้ามา


“วันนี้ควงใครมาคะ ไม่คิดจะแนะนำให้คุณพี่รู้จักหน่อยเหรอ”

คุณนายทัดผมไปที่ข้างหูก่อนจะตอบ “แฟนน่ะ”

“จริงเหรอคะเนี่ย ได้ข่าวว่าคนเก่าก็เพิ่งเลิกไป ทำไมได้คนใหม่เร็วจังเลยคะ”

“เรื่องนี้ก็ช่วยไม่ได้”

“น่าอิจฉาจังเลยเนอะ นี่ถ้าไม่ รวย ก็คงไม่ได้อะไรง่ายๆแบบนี้”


สง เปิดโหมด ทำความเข้าใจบทสนทนาคนรวย

คือถ้าจะคุยกันแบบนี้ เป็นแถวบ้านพี่นี่น่าจะตบกันไปหลายทีแล้ว...


“คุณพี่พูดแบบนี้หมายความว่า นาวใช้เงินซื้อผู้ชายงั้นเหรอ”

ยัง
ยังมีหน้าไปถามเขาอีก...


“ก็แล้วจริงไหมล่ะคะ”

คุณนายกระตุกแขนเสื้อผมเบาๆ ก่อนจะส่งสายตาเป็นสัญญาณว่า ถึงเวลาของนายแล้ว


“ผมไม่ได้คบใครที่ฐานะหรอกครับ เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาสำหรับผม”

บ่ะ...

หล่อเลยกู

บอกเลยว่าที่ท่องมานี่ เป๊ะมาก


“จริงเหรอคะ คุณพี่เพิ่งเคยเห็นหน้าเป็นครั้งแรกเลยนะคะเนี่ย ถามได้ไหมว่าที่บ้านทำธุรกิจอะไร”

“ส่งออกครับ”

เก็บขวดขายแถวป้ายรถเมล์

“ถ้างั้นก็แสดงว่าต้องรวยมากแน่ๆใช่ไหมคะ”

คุณนายไม่ตอบอะไรแค่ยักไหล่เหนือๆให้ไปหนึ่งที


“เดี๋ยวฉันมานะ”

“อ้าว จะไปไหนล่ะคุณ”

จะทิ้งให้พี่สงโดดเดี่ยวกลางดงคนรวยแบบนี้ไม่ได้...

“ไปคุยธุรกิจนิดหน่อย เดี๋ยวมา”

ว่าแล้วคุณนายก็เดินเฉิดฉายเข้าไปที่กลุ่มผู้ชายใส่สูท ถือแก้วไวน์ แล้วแจกยิ้ม

แน่ใจว่าไปคุยเรื่องธุรกิจ

จำเป็นต้องหน้าบานขนาดนั้นไหม


“แหมมม มองแฟนไม่วางตาเลยนะคะ” มนุษย์ป้าเอ่ย

“ครับ?

“น้องมะนาวก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ เสน่ห์แรงแล้วก็บริหารเก่ง ถ้าคุณแฟนขี้หึงก็อาจจะอยู่ยากหน่อยนะคะ”

“อา...ผมเป็นคนใจกว้างน่ะครับ”

เหรอวะ...


“บอกตรงๆว่าคุณพี่อิจฉาน้องมะนาวมาก ไปหาแฟนหล่อรวยใจดีมาจากไหนกันนักหนา คุณพี่หาไม่เคยได้เลย”

ใช้เงินซื้อไง...


“ว่าแต่...สุดหล่อชื่ออะไรเหรอคะ”

“ซองครับ ซองที่แปลว่าเพลง”

“อุ๊ย ชื่อเพราะจัง ได้ยินแล้วรู้สึกอยากฟังเพลง 24 ชั่วโมง...”


ไอ้สายตากับการบิดไปบิดมานั่น...คือกูกำลังโดนคนรวยอ่อยอีกแล้วถูกไหม...


“แล้วตอนนี้คุณซองทำงานอะไรอยู่เหรอคะ ช่วยบริหารงานที่บ้าน  หรือว่า หล่อรวย ดูมีสไตล์แบบนี้ จะมีธุรกิจเป็นของตัวเองเอ่ย”

ธุรกิจของตัวเอง...

ก็หลายอย่างอยู่...

อย่าให้พูด


“ตอนนี้ก็นั่งกินนอนกินครับ พอดีเงินเหลือใช้”

“อุ๊ยตายแล้ววว หล่อแล้วยังตลกอีกนะคะเนี่ยย”

มนุษย์ป้าหัวเราะไปก็เอามือมาลูบแขนผมไป แบบนี้เรียกเนียน ใช่ไม่ใช่


“ผมหมายถึง รักอิสระน่ะครับ ก็เลยยังไม่อยากทำอะไร”

ตอบออกไปแบบหล่อๆ ก่อนจะยิ้มให้อย่างเป็นมิตร

“ยิ้มแล้วมีเสน่ห์มากเลย รู้ตัวไหมคะ”

“ครับ?

“ถ้าไม่เชื่อก็ถามเพื่อนๆคุณพี่ได้นะ จริงไหมพวกเธออออ”

“จริงที่สุดค่า”

"เห็นไหมคะ มีแต่คนเห็นด้วย"

"ครับ ถ้างั้นผมก็คงไม่ปฏิเสธ"

“อารมณ์ขันแบบนี้ คุณพี่อยากสนิทสนมด้วยแล้วสิ”

“อา..แหะๆ” หัวเราะแห้งก่อนจะเกาท้ายทอยตัวเองไปเบาๆ

“ดูสิ!! เขินก็หล่ออ่ะ”


รู้ว่าหน้าตาดี แต่ชมถี่ขนาดนี้ ก็เริ่มทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน

โดนชมบ่อยๆก็จะลอยเอา

“แล้วนี่ไปเจอกับน้องนาวได้ยังไงคะ”

“พอดีผมไปถ่ายรูปเล่นที่อังกฤษแล้วคุณมะนาวเขาเดินมาเข้ากล้องพอดี มันเหมือนกับว่าเป็นพรหมลิขิตน่ะครับ”

พล็อทน้ำเน่าชิบหาย คุณนายต้องอ่านนิยายมาเยอะแน่ๆ

ใครเชื่อก็ควายแล้ว


“โรแมนติกมากเวอร์ๆๆๆๆๆๆ”

นั่นไง...พบควายหนึ่งอัตรา

“แล้วคบกับน้องนาวนานรึยังคะเนี่ย”

“ก็...3 เดือนครับ”

“อุ๊ย แค่ 3 เดือน ถ้างั้นคุณพี่ก็ยังมีสิทธิ์”

“อย่าล้อเล่นสิครับ”

“พูดเล่นค่ะ แต่คิดจริง”

“ฮ่าๆๆ..”

จะว่าไป...คุยกับมนุษย์ป้าพวกนี้ก็สนุกดีเหมือนกัน

หรือกูกำลังถูกความรวยครอบงำวะ


“กลับได้แล้ว!”

เสียงสูงที่คุ้นเคยดังแทรกขึ้นมาท่ามกลางบทสนทนา ก่อนจะควงแขนประกาศศักดาความเป็นเจ้าของ

“อ้าว ทำไมรีบกลับละคะน้องนาว คุณพี่กำลังคุยสนุกๆอยู่เลย แฟนน้องนาวอารมณ์ขันมากเลยรู้ไหม”

“รู้ แต่นาวจะกลับ เบื่อ”

“ว๊า เสียดายจัง เอาไว้โอกาสหน้าเจอกันใหม่นะคะคุณซอง แวะมาที่ร้านคุณพี่บ้างนะ เดี๋ยวส่งโลเคชั่นไปให้”

“ด้วยความยินดีครับ”

“กลับ!!”

กำลังคุยเพลินๆอยู่ๆก็ถูกคุณนายลากออกมาแล้วพาไปที่ลิฟท์ก่อนจะกดไปที่จอดรถชั้นใต้ดิน

“รีบไปไหนเนี่ยคุณ งานเพิ่งจะเริ่มเอง”

“เหอะ”

อะไรวะ...

“ปรับตัวเก่งนี่”

“ครับ?

“ตอนแรกเห็นไม่ค่อยคล่อง ไม่คิดว่าจะไหลตามน้ำได้ขนาดนี้”

นี่ชมใช่ไหม...

“ได้คุยกับสาวๆสวยๆ พอใจมากใช่ไหมล่ะ”

“...”

“ฉันออกไปคุยธุรกิจแค่ไม่กี่นาที เห็นอีกทีนี่แจกยิ้มไปทั่ว”

“...”

“เรี่ยราด”

“ประชดแบบนี้ หึงผมเหรอคุณ”

“อะไร! ฉันจะไปหึงคนจนอย่างนายทำไม”

คำก็จน สองคำก็จน


“คนจนก็ทำให้เคลิ้มได้นะครับ ลองไหม”

“หยาบคาย”

ทำมาเป็นว่ะ คนเรา


“ว่าแต่ผม คุณก็แจกยิ้มไปทั่วเหมือนกันนั่นแหละ”

“แล้วไง มันเป็นเรื่องของธุรกิจ  ก็ต้องมีปั้นหน้ากันบ้าง ”

“ผมก็เหมือนกันนั่นแหละคุณ”

“เหรอ ปั้นเนียนไปนะนาย สนุกมากมั้ง”

“ไม่ดีเหรอคุณ จะได้ไม่โดนจับได้ไง”

“เหอะ”


อะไรของคุณนายวะ หรือประจำเดือนมาไม่ปกติ

ลืมไป คุณนายก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน

แต่ตุ้มหูนี่ยาวกว่าชายกระโปรงมนุษย์ป้าในงานอีกบอกเลย



ติ๊ง...ชั้นใต้ดิน


“ไม่ออกไปเหรอคุณ”

ประตูลิฟท์เปิดแล้ว แต่คุณนายยังยืนนิ่ง แปลกๆแฮะ เป็นอะไรป่ะวะ


“ไปสิ”


“ไม่คิดจะทักทายแฟนเก่าหน่อยเหรอครับน้องนาว” เสียงชายที่ยืนอยู่หน้าลิฟท์เอ่ยในขณะที่คุณนายเดินผ่านหน้าไป


อ่อ...ที่นิ่งไปเมื่อกี๊ คงเป็นเพราะเหตุนี้สินะ...



ขาเรียวหยุดเดินก่อนจะหันกลับมามองชายคนนั้น

“แฟนเก่า? เคยคบกันตอนไหนไม่ทราบ”

“ว๊า...แย่จัง ทำไมขี้ลืมแบบนี้น๊า ” มือสากยื่นมือมาจับที่ปลายคางก่อนจะเอ่ย “สงสัยต้องทบทวนความจำ ระหว่างเรา”

“อย่ามาแตะ” คุณนายว่าก่อนจะปัดมือนั้นออก

“หวงตัวจัง ที่เมื่อก่อนไม่เห็นจะหวงแบบนี้เลย”

“อย่ามาพูดพล่อยๆนะ”

“ทำไมล่ะครับ กลัวแฟนใหม่จะเข้าใจผิดเหรอ”


แฟนใหม่ที่ว่า คงหมายถึงกูที่ยืนเสือกอยู่เงียบๆตรงนี้สินะ...


“ไม่ใช่แฟนใหม่ เพราะนาวไม่เคยมีแฟนเก่า”

“ฮ่าๆๆ แล้วคนก่อนๆที่ผ่านมาล่ะครับ น้องนาว”

“ไม่เคยคบ”

“รวมถึงพี่ด้วยงั้นเหรอ”

“ใช่”

“พูดแบบนี้พี่เจ็บเลยนะเนี่ย คนอุตส่าห์คิดถึง”

“ตอแหล”

“ไม่หยาบคายสิครับ”


“ไปกันเถอะ” คุณนายพูดก่อนจะคว้าแขนผมไว้

“เดี๋ยวก่อนสิ จะรีบไปไหน พี่ยังพูดไม่จบเลย” ข้อมือขาวถูกรั้ง


แหม่...อย่างกับฉากในซีรีส์

ติดที่กูไม่รู้เรื่องอะไรกับเขาเลยนี่ล่ะ


“จะรีบไปนอนกับแฟนเหรอครับ”

ไอ้แฟนเก่าแอบอ้าง นี่ก็ปากวอนตีน


“ถ้าใช่แล้วจะทำไม”

คุณนายก็ไม่ถงไม่ถามสุขภาพกูสักคำ...


“เหอะ ได้ไปกี่คนแล้วล่ะ”

ไอ้นี่ก็สงสัยจะแดกหมาเป็นอาหาร แต่ละอย่างที่พูดมา คืออยากจะเอารองเท้ายัดปากมันสักที


“จะได้กี่คนแล้วทำไม ก็ยังดีกว่าคนที่อยากจะได้นาวจนตัวสั่น แต่ไม่เคยได้เลยละกัน!!”

"..."

อ้าว อึ้ง

อึ้งไปเลย

แฟนเก่าเหรอ

เปล่า กูนี่แหละ

ชื่อคุณนายว่าเปรี้ยวแล้ว แต่คำตอบนี่เปรี้ยวกว่า



หลังจากฉากฟาดฟันคารมจบไป กระผมก็ถูกคุณนายลากมาขึ้นรถ

เห็นพี่สงเป็นอะไร ลากไปลากมา


ปัง! ประตูรถสีดำคันหรูถูกปิดลง ก่อนที่คุณนายจะนั่งกอดอก หน้ามุ่ย คิ้วตก ปากเบะ

น่ารักดีเหมือนกัน

มันใช่เวลาชมไหม...


“ลงไป”

“ครับ...” อะไรวะ  ได้ข่าวว่าเพิ่งถูกลากขึ้นมา อยู่ๆก็มาไล่กันลงซะงั้น

“ไม่ใช่นาย ฉันหมายถึงคนขับรถ”

“อ่อ...”

“...”

“...”

เมื่อเหลือกันอยู่แค่ 2 คน บนเบาะหลัง ก็บังเกิดความงียบที่น่าอึดอัดชิบหายจนแทบจะหายใจไม่ออก

จะขยับตัวยังเกรงใจคุณนายเลย กลัวจะเสียงดังรบกวน ดูจากสีหน้าตอนนี้แล้ว ถ้าเกิดสะกิดผิดจุดขึ้นมานี่ได้มีระเบิดลงแน่ๆ


“ทำไมการมีความรักมันถึงยากแบบนี้”

ห๊ะ?...

นั่งเงียบมาตั้งนาน อยู่ๆคุณนายก็เข้าโหมดศาลาคนเศร้า

เอาวะ...นี่ก็เคยฟังพี่อ้อยพี่ฉอดอยู่ จะพยายามทำตัวเป็นผู้รับฟังที่ดีให้คุณนายเขาละกัน ยินดีต้อนรับเข้าสู่ คลับฟายเดย์


“ตอนรวย ก็มีแต่คนเข้าหา  หลงดีใจไปต่างๆนานาว่าเขาชอบ แต่เปล่าเลย เขาชอบเงินฉันต่างหาก”

“...”

“พอสะดุดล้ม ก็ทิ้งกันไปหมด”

“...”

“กว่าจะกลับมายืนได้อีกครั้ง ผ่านความลำบากมาตั้งเท่าไหร่ ไม่เห็นจะมีใครยื่นมือมา”

“...”

“พอตอนนี้ประสบความสำเร็จเข้าหน่อย แค่กะพริบตาก็ต่อแถวกันมาเป็นพรวน”

“...”

"เพื่อแลกกับผลประโยชน์ทางธุรกิจ ขอแค่ได้ควงแล้วเอาไปคุยโม้ก็พอ"

"..."

“ความรักน่ะเหรอ ไร้สาระ”

“แต่ก็อยากมีใช่ไหมล่ะคุณ”

"..."

"เงียบ แสดงว่าใช่"

“คนอย่างฉันนะเหรอ ไม่มีทางหรอก”

“แล้วคนอย่างคุณมันเป็นยังไง ทำไมถึงคิดแบบนั้น”

“ก็เป็นคนที่ไม่มีใครคิดจะเข้าหาแบบจริงใจไง”

“ผมว่า บางอย่าง มันอาจจะต้องเริ่มที่ตัวคุณเอง”

คุณนายหันมาเผชิญหน้ากับผม ก่อนจะเอ่ยถาม

“ยังไง”

“ถ้าคุณอยากได้ความรักที่จริงใจ คุณก็ต้องให้ความจริงใจกับคนอื่นก่อน”

"แต่การให้ความจริงใจ ก็ไม่ได้หมายความว่า เราจะได้รับสิ่งนั้นกลับมาสักหน่อย"

"มันก็ใช่คุณ แต่ไม่เสมอไปหรอก คุณเคยจริงใจกลับใครสักคนไหมล่ะ"

"ไม่เคย"

"นั่นไง"

“นายหมายความว่า ฉันดูเป็นคนไม่จริงใจอย่างนั้นเหรอ”

“ครับ”

“นี่” มือขาวทุบไปที่ไหล่กว้างเบาๆ

“คือผมหมายถึง คุณดูแบบว่า มันแบบ..”

“แบบอะไร พูดมา”

“จะไม่ตีผมใช่ไหม”

“อืม พูดมาสิ”

“แบบว่าอ่อยไปทั่ว...”

ป๊าบ!!

ไหนบอกว่าจะไม่ตีวะ ตีที่ไหล่ แต่สะเทือนไปถึงไส้ติ่ง

“เจ็บนะคุณ”

“สมน้ำหน้า”

“หรือที่ผมพูดมันไม่จริง คุณดูให้ความหวังคนอื่นเขาไปทั่ว แล้วใครจะมาจริงใจกับคุณกัน”

“...”

“ถ้าคุณยังเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ คุณไม่มีทางได้มีความรัก ที่เป็นความรักจริงๆหรอก”

“ก็คนมันเหงานี่”

“เหงาแล้วจะอ่อยยังไงก็ได้เหรอคุณ”

"..."

"เพราะคุณทำตัวแบบนี้ไง คุณถึงไม่เจอใครที่จริงใจกับคุณสักที"

"..."

"หัดทำตัวดีๆบ้างสิคุณ"

“แล้วทำไมฉันต้องมานั่งให้นายด่าด้วยล่ะ ฮึก..”

อ้าว...

ซวยละกู

เพลินจนลืมไปว่าคำพูดบางอย่างมันอาจจะไปกระทบความอ่อนไหวภายในใจของคุณนายเขา


“ฮึก...ระ รู้จักความรักดีมากเหรอ ถึงมาว่ากันแบบนี้”

“ผมขอโทษคุณ”

“ก็ มะ ไม่ได้อยากอ่อยไปทั่วสักหน่อย ฮึก นะ นายจะมาเข้าใจอะไร”

ผมขยับเข้าไปใกล้คุณนาย ก่อนจะใช้มือปาดน้ำตาที่แก้มเนียนเบาๆ

“โตแล้ว ไม่งอแงเป็นเด็กสิ”

“ฮึก ปะ เป็นผัวเหรอถึงมาสอน”

“อยากให้เป็นไหมล่ะครับ”

“หยาบ ฮึก คาย”

“ด่าเป็นคำเดียวเหรอคุณ”

คุณนายฟึดฟัดก่อนจะพยายามกลั้นน้ำตา แล้วจ้องหน้าผม

“ตอแหล”

“อ้าว ด่าผมทำไมเนี่ย”

“ไม่ได้ด่า แค่จะบอกว่าไม่ได้รู้จักคำว่า หยาบคาย อย่างเดียว”

"เถียงเก่ง"

"แล้ว ฮึก..ไง"

"ก็ไม่ยังไง.." ยกมือไปปาดน้ำตาที่ยังไหลออกมาไม่หยุด

“...”

“...”

แล้วความเงียบ ก็เกิดขึ้นอีกครั้ง

ต่างคนต่างมองตากัน โดยไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกมา


ผมนั่งมองหน้าคุณนายที่ตายังแดงๆจากการร้องไห้

พอคิดย้อนกลับไป คุณนายในตอนนี้ ไม่เหมือนกับคุณนายที่ได้เจอในตอนแรกเลยสักนิด

คนที่ดูไม่แคร์อะไร กลับมีมุมอ่อนไหวที่คาดไม่ถึง

คนที่เป็นนายน้อยของใครหลายๆคน ในตอนนี้กลับดูเป็นแค่ เด็กน้อย คนหนึ่ง สำหรับเขา

อยากรู้จัก มากกว่านี้...

นั่นคือ...สิ่งที่เดียวที่ผมคิดอยู่


 “คุณจะจ้างผมต่อไปอีกนานเท่าไหร่”

“ถามทำไม”

“ผมแค่ลองถามดู”

“นายอยากให้จ้างนานแค่ไหนก็แล้วแต่นายสิ”


“ตลอดชีวิตได้ไหม”


“ว่าไงนะ”

“ช่วยจ้างผมตลอดชีวิตเลยได้ไหม”

“...”

“ผมอยากตอบคำถามนั้นของคุณ”

“คำถามอะไร...”


“คุณตกหลุมรักอะไรในตัวมะนาว”

“...”

“ผมอยากบอกคำตอบที่เป็นคำตอบจริงๆ ไม่ใช่การคิดให้”

“...”

“ผมอยากรู้ ว่าผมจะสามารถตกหลุมรักคุณ จนตอบคำถามนั้นได้ไหม”

“...”

“เพราะงั้น...คุณช่วยจ้างผมจนกว่าผมจะรู้คำตอบนั้นได้รึเปล่า”

"..."

"ได้ไหมครับ"

“เป็นแค่ลูกจ้างมีสิทธิ์อะไร”

"..."

"ฉันเคยบอกไปแล้วว่า คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของฉัน ถ้าไม่รวยมาก ก็ต้องเป็นคนที่มีหน้ามีตาในสังคมมากๆ"

“ครับผมรู้ว่าผมจน”

“ใช่ นายก็เป็นแค่คนจน”

“...” อืม ไม่เจียมด้วยสินะ...


“เป็นแค่คนจนๆแล้วมีสิทธิ์อะไรมาทำให้ใจสั่นล่ะ”

"..."

"ไม่เข้าใจเลยสักนิด"

"..."

"นายทำแบบนี้ทำไม"

“แล้วคนรวยอยากมาอ่อยคนจนก่อนทำไมล่ะครับ”

“หยาบคาย”

“ถ้าพูดคำนี้อีกที ผมจะปิดปากคุณละนะ”

“ปิดยังไงไม่ทราบ”

“ก็ลองพูดดู”

“หยาบค--” จุ๊บ

"..." คุณนายเม้มปากตัวเองก่อนจะมองด้วยสายตาขุ่นเคือง


"บอกแล้วใช่ไหมว่า ถ้าฉันไม่อนุญาต นายไม่มีสิทธิ์มาทำแบบ--" จุ๊บ


"..."


"ชอบความท้าทายเหรอคุณ"

คุณนายยู่ปากก่อนจะพองลมเข้าแก้ม

รู้ตัวไหมว่าทำแบบนี้แล้วมันเหมือนมีหูแมวงอกออกมา

น่ารักจังวะ แม่ง


"นายถามฉันใช่ไหม ว่าชอบความท้าทายรึเปล่า" คุณนายเอ่ยก่อนจะย้ายร่างตัวเองขึ้นมานั่งคร่อมบนตัก

สายตาที่เคยเป็นลูกแมวเมื่อกี๊ กำลังเปลี่ยนเป็นนางแมวมีเสน่ห์ ยั่วเย้า

มือหนารั้งเอวบางเข้ามาแนบชิด "แล้วชอบไหมล่ะครับ"

รอยยิ้มซุกซนปรากฏบนใบหน้าหวาน ก่อนที่ริมฝีปากบางจะงับไปที่ใบหู เรียวลิ้นเล็กแลบเลียเบาๆ


“ไปต่อที่บ้านไหมคุณ เกรงใจคนขับรถ” เสียงแหบทุ้มเอ่ยในขณะที่กลีบปากนุ่มนิ่มนั่นกำลังวนเวียนอยู่แถวซอกคอของเขา

“โง่!”

อ้าว...

คุณนายว่าก่อนจะผละออกมา

"คือผมแค่เห็นว่า เขายืนรอนานแล้ว..."

"โง่ๆๆๆๆ"

มาคิดๆดูแล้วก็โง่จริงๆนั่นแหละกู...

ดูเหมือนว่า ครั้งนี้จะไม่ใช่การโดนเท แต่กูนี่แหละ เสือกเทเอง


“งั้นเรามาต่อ...”

“ไม่!” คุณนายย้ายร่างตัวเองกลับไปนั่งบนเบาะเหมือนเดิม ก่อนจะกอดอกแล้วหันหน้าหนีไปทางกระจกรถ

“ไม่ต่อจริงๆเหรอคุณ”

"ไม่ต่อ แล้วก็ไม่จ้างด้วย"

"ครับ?"

"ไม่จ้างแล้ว เปลืองเงิน!"

เวรละกู

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าขัดใจผิดเวลา เพราะอาจเป็นสาเหตุของการตกงาน


"ไม่จ้างต่อก็ไม่เป็นไรนะคุณ แต่ว่าตอนนี้มันค้าง..."

“ก็เรื่องของนายสิ”

“ผมรู้ว่าคุณก็ไม่ต่างจากผม”

“หมดอารมณ์แล้ว เก็ทป่ะ”

“คุณหมด แต่ผมไม่หมด...”

“ลงจากรถ เดินตรงไปข้างหลังลิฟท์มีห้องน้ำ  เชิญ”

"..."


ทำไม...ทำไมความเจ็บปวดเช่นนี้ถึงได้เกิดกับชีวิตพี่สงซ้ำๆซากๆ

ทำไมพี่สงต้องเผชิญกับความโดดเดี่ยวในห้องน้ำคนเดียวเสมอ

หรือชาติที่แล้วกูเคยเผลอไปอ่อยใคร

ไม่รู้จะพูดอะไรนอกจาก สงสารตัวเอง


END





[ Special ส่งท้าย ]

LINE

มะนาว : กล้าดียังไง ทำไมไม่รับโทรศัพท์
มะนาว : บอกแล้วใช่ไหมว่า ถ้าโทรมาต้องรับ ให้มาหาก็ต้องมา
สง : คือวันนี้ผมมีคิวขับวินตอนเช้าน่ะคุณ
มะนาว : โทษนะ เงินที่ฉันจ้างนาย ต่อให้ขับวินไปจนตาย ก็ยังหาไม่ได้เท่านี้ เผื่อไม่รู้
สง : ผมรู้ แต่ผมเคยสอนคุณไว้ว่ายังไง
มะนาว : อะไร
สง : อย่าดูถูกคนอื่น
มะนาว : ก็ไม่ได้ตั้งใจนี่
มะนาว : สามวันแล้วนะ
สง : ครับ?
มะนาว : สามวันแล้วที่นายไม่มาหาอ่ะ
มะนาว : ไหนบอกว่า อยากตอบคำถามไง ไม่มาหาแล้วเมื่อไหร่จะได้คำตอบสักทีล่ะ
สง : คิดถึงเหรอ
มะนาว : ไม่รู้
สง : แต่ผมรู้
มะนาว : ส่งสติ๊กเกอร์แมวไฟลุก
มะนาว : ไม่รู้แหละ
มะนาว : ถ้าไม่อยากมาก็ไม่ต้องมา
มะนาว : ไปอ่อยคนอื่นแทนก็ได้
สง : เดี๋ยว...
มะนาว : Read

Don't Flirt ---- END :)))



[ Don't Flirt ] 




writer : @N1NEME



#510330tracks

track, beating and them












Comments

Popular posts from this blog

[ Take me out ] - END

[ NO ] : Spotless Mind

[ Take me out ] - 01