bonus track [ Don't flirt ] - 01
[Don't flirt]
เรือนท่านทรงศักดิ์
“ท่านพี่...เหตุใดท่านจึงไม่หยุดชะม้อยชะม้ายชายตาให้หญิงอื่นเสียที
บ่าวไพร่ในเรือนท่านพี่ก็ไม่เว้น หากท่านไม่ให้เกียรติน้อง
ก็ควรให้เกียรติครอบครัวของน้องบ้าง” แม่นางนวลน้อยเอ่ยกับท่านหมื่นทรงศักดิ์ด้วยความทุกข์ระทมในหัวใจ
หลังจากหลงเชื่อคำเชยชมจากชายอันเป็นที่รัก
ยามก่อนออกเรือนน้ำต้มผักที่ว่าขมก็ยังหวาน ยามรักจืดจาง เหินห่าง
ทำอย่างไรแลคุณพี่ก็ไม่สนใจ
“เจ้าเองไม่ใช่รึ ที่อยากออกเรือนกับข้า
แม่นางนวลน้อย”
“น้องผิดเองที่หลงเชื่อใจชายเจ้าชู้”
“ข้ายกให้เจ้าเป็นเมียเอก
เพียงเท่านี้ยังไม่พอใจอีกหรือ เจ้าเป็นนายหญิงที่ใหญ่ที่สุดในเรือนหลังนี้
จักต้องกังวลด้วยเหตุอันใด”
"เป็นเมียเอกแล้วดีอย่างไร
หากแต่ท่านพี่ไม่เคยให้ความสำคัญกับน้องเลยแม้แต่น้อย ท่านปันใจให้เมียสองเมียสาม
แล้วจะไม่ให้น้องกังวลได้อย่างไรเล่า"
“ข้าจักมีเมียสอง เมียสาม ไปถึงเมียที่ร้อย
เช่นนั้นก็เป็นเรื่องของข้า ไม่ใช่เหตุที่เจ้าต้องมาเดือดร้อน”
“ท่านพี่เอ่ยวาจาเช่นนี้ได้อย่างไร
น้องมีแค่ท่านพี่คนเดียวมาตลอด ท่านทำกับน้องเช่นนี้ได้อย่างไร ท่านไม่รักน้องแล้วหรือ”
“ถ้าเจ้าไม่พึงใจก็ออกจากเรือนข้าไปเสีย”
ท่านหมื่นทรงศักดิ์เอ่ยอย่างอารมณ์ร้อน
ก่อนจะเดินหนีคนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของตน
แม่นางนวลน้อยมองตามแผ่นหลังของสามีพร้อมกับทรุดตัวลงแล้วร่ำไห้ด้วยความเจ็บปวด
หากแต่ในใจนั้นเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
เกิดชาติหน้าฉันใด
ขอให้ท่านพี่ต้องทนทุกข์ทรมาน ขอให้ท่านพบเจอแต่ความยากลำบาก
ขอให้ท่านเป็นฝ่ายที่ต้องเจ็บช้ำน้ำใจเพราะน้อง เมียเอกของท่านคนนี้
300 ปีต่อมา...
กรุงเทพฯ
ท่ามกลางเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยตึกรามบ้านช่องน้อยใหญ่
การจราจรที่แสนจะแออัด อากาศที่เจือปนไปด้วยมลพิษ ผู้คนมากมายหลากหลายเชื้อชาติ
ต่างกินต่างอยู่ ต่างนิสัย ทั้งดีและร้าย มากวัฒนธรรมหลากประเพณี ความเจริญ กิเลส สิ่งล่อตาล่อใจ ทุกๆอย่าง
เรียกได้ว่า มารวมกันอยู่ ณ ที่แห่งนี้ จนกลายเป็น เมืองที่ไม่มีวันหลับ
สวัสดีครับ กระผมชื่อนาย สง
ชื่อเต็มๆ สงสาร
ครับ...
อย่าถามว่าชื่อนี้มีที่มายังไง
เพราะมันสะเทือนใจมากอยู่
เท่าที่จำความได้คือเป็นเด็กกำพร้า
ตั้งแต่เกิดมา หน้าพ่อหน้าแม่ก็ยังไม่เคยเห็น
เคยถูกรับไปเลี้ยง จนอายุได้ 12 ปี ก็โดนเอามาทิ้งไว้ที่ใต้สะพานลอย
ลุงถือขันข้างๆก็เลยให้เกียรติตั้งชื่อให้
“เอ็งชื่ออะไรล่ะ ไอ้หนู”
“ไม่มีครับ ผมไม่มีชื่อ”
“สงสารเนอะ”
นี่แหละครับ ที่มาของชื่อ สงสาร
น่าประทับใจใช่ไหม แต่เรียก สง เฉยๆน่าจะดีกว่า เพราะอะไร
ขอละไว้ในฐานที่เข้าใจก็แล้วกัน
ปัจจุบันอายุ 25 ปี
ชีวิตตอนนี้เรียกได้ว่าจน
งานหลักเก็บขวดขาย
งานรองก็รับจ้างทำทุกอย่าง ที่มีคนจ้างมา
ไม่เลือกงาน ไม่ยากจน
ครับ...แต่ใช้ไม่ได้กับกู
กูไม่เลือก กูก็จน
ตอนนี้ก็มีบ้านเป็นของตัวเองแล้ว
ไม่ได้เก็บขวดขายจนมีรายได้งามๆแต่อย่างใด
พอดีมารับจ๊อบที่ไซท์งานก่อสร้าง เป็นคนขยันทำงาน บวกกับหน้าตาดี
ก็เลยเนียนขอสังกะสีจากเมียผู้รับเหมามาจนสร้างบ้านได้เป็นรูปเป็นร่างขนาด 3 คูณ 2 สร้างอยู่ข้างรั้วแนวเขตก่อสร้างที่เขาล้อมไว้
1 ห้องนอน ไม่รวมห้องน้ำ
เพราะไปขอเข้าที่ไซท์เอา สะดวกดี
สวัสดิการก็มี ค่าข้าวก็ไม่เคยต้องจ่าย
ถามว่าทำไม...
"วู้วววว บักสง
มาจกข้าวเหนียวส้มตำกับป้าบ่”
“อ้ายสงคนหล่ออยากกินอะไร
มาช่วยน้องแบกปูนนะจ๊ะ”
นี่แหละ...ข้อดีของการมีบ้านอยู่ข้างไซท์ก่อสร้าง
ข้าวก็ฟรี อะไรก็ฟรี
เพราะความเบ้าหน้าดีช่วยชีวีไว้ พูดง่ายๆว่า
ถ้าทนรับแรงสั่นสะเทือนจากการตอกเสาเข็มได้ ก็ไม่มีอะไรที่ต้องหวั่น
กว่าตึกนี้จะสร้างเสร็จ ก็คงกินเวลาอีกหลายปี
อย่างน้อยก็มีบ้านคุ้มกะลาหัวไปอีกสักพัก ถามว่าหน้าด้านไหม ก็ด้าน
จะว่าไปแล้วชีวิตคนเรามันก็ตลก
คนรวยก็รวยชิบหาย คนจนก็แทบจะอดตายอยู่รอมร่อ
อะไรคือความยุติธรรม
เอาจริงๆยอมรับว่าเป็นคนหน้าตาดีคนหนึ่ง
ดีจนอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่า ชาติก่อนกูเคยไปทำกรรมอะไรกับใครไว้รึเปล่า
พระเจ้าถึงได้ให้กูมาแค่หน้าตา แต่ลืมให้ตังค์
เรียกง่ายๆว่า หล่อแต่จน
เคยคิดจะใช้หน้าตาทำมาหากินอยู่เหมือนกัน
ไอ้ประเภทรับรีวิวสินค้า แต่ติดที่ว่าไม่มีตังค์ซื้อมือถือ
เจ๊ขายส้มตำที่รู้จักกันก็แนะนำให้ไปเดินย่านวัยรุ่น
ที่ๆเขาว่ากันว่าแมวมองดาราจะเยอะ นี่ก็เดินมาหลายปีแล้วก็ไม่มีใครมองสักที
จนมานึกขึ้นได้ว่า ใส่ชุดกรรมกรก็คงไม่มีใครมองกู
ถามว่าเศร้าไหมก็เศร้า แต่จะทำยังไงได้
ก็ชะตาชีวิตมันเป็นแบบนี้ ก็ต้องยอมรับแล้วดิ้นต่อไป
ทุกวันนี้ก็อาศัยให้กำลังใจตัวเอง
ว่าต้องมีสักวัน ที่เป็นวันของกู
แล้วมันวันไหน...
แหงนหน้ามองท้องฟ้า
แล้วบอกกับตัวเองว่า เอาวะ...ถึงกูจะจน
แต่กูก็มีความสุข ชีวิตที่อยู่ไปวันๆมันก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร
เหรอวะ...
เออ...ชีวิตแม่งเหี้ย!!
อยากจะตะโกนออกมาให้เทวดาได้ยิน
ชีวิตกูมันก็คงไม่มีอะไรจะเหี้ยไปมากกว่านี้แล้วล่ะ
เคยคิดแบบนั้น จนกระทั่ง...
“ไอ้สง
ลื้อขับวินก็ระวังทางด่วนร่วงใส่หัวด้วยล่ะ อั๊วเป็นห่วง
เดี๋ยวนี้จะไปไหนมาไหนก็ไม่ค่อยปลอดภัย ยิ่งชาวบ้านอย่างเรา
อย่าหวังจะไปพึ่งใครได้เลย ลื้อดูสิ เกิดเหตุอีกเลี้ยว”
เฮียเจ้าของร้านข้าวมันไก่ที่ผมมาเก็บขวดประจำชี้ให้ดูที่ข่าวทีวีช่องหนึ่ง
วันนี้เวลา 11 นาฬิกา 37 นาที ชิ้นส่วนโครงสร้างตึก 8 ชั้น
ได้ตกลงมาทับเพิงสังกะสีที่ตั้งห่างจากเขตก่อสร้าง 7 เมตร
โชคดีที่ไม่มีใครเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บ ทั้งนี้
วิศวกรผู้ควบคุมงานก่อสร้างและผู้รับเหมารายยักษ์เตรียมแถลงถึงสาเหตุต่อไป ฐาปนา
เอียดสีชา รายงาน
...
ไอ้เพิงสังกะสีที่ว่านั่น มันดูคุ้นๆนะ
คุ้นๆเหมือนจะเป็นบ้านกู...
“โชคดีเลี้ยว
ที่ไม่ได้หล่นมาทับบ้านคน ไม่อย่างนั้นนะ
อั๊วไม่อยากจะคิด เละเป็นโจ๊กแน่ๆ ลื๊อว่าไหม”
โชคดีของเฮีย...แต่โชคร้ายของกูไง
ไอ้ชิบหาย...
จุดต่ำสุดของความเหี้ยคือตรงไหน กูจะไปยืนรับโล่อยู่ตรงนั้น
มีอีกไหม...ยังมีอะไรที่ชิบหายกว่านี้อีกไหม
เอามากองรวมกันตรงหน้ากูทีเดียวไปเลย
ร้องไห้แล้วแม่ง!
“เฮียเดี๋ยวผมมานะ”
“อ้าว ลื้อจะรีบไปไหนล่ะ
ไม่เก็บขวดกลับไปด้วยเรอะ”
“เดี๋ยวผมกลับมาเอานะเฮีย
อย่าเพิ่งให้ใครล่ะ” ขอไปทำใจกับซากบ้านก่อน...
เดินทางมาถึงสถานที่เกิดเหตุที่ตอนนี้ถูกรายล้อมไปด้วยนักข่าวและชายชุดดำที่กำลังสำรวจความเสียหายจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
มองดูบ้านตัวเองในตอนนี้แล้วบอกได้เลยว่าสังกะสีนี่แทบไม่เหลือชิ้นดี
ถ้ากูยังอยู่ในบ้านนี่สภาพคงไม่ต่างอะไรกับหมาที่โดนรถบรรทุกเหยียบ
ขวดที่เก็บสะสมมาก็พังยับไม่เหลือสภาพ
แต่ก็น่าจะยังเอาไปขายพอให้มีเศษเงินได้ประทังชีวิตอยู่
ว่าแล้วก็เดินฝ่าฝูงนักข่าวเข้าไปในเขตแดนที่ถูกกั้นด้วยเส้นขาวแดงเอาไว้
ต้องเข้าใจว่าบ้านได้มาฟรี
แต่ขวดพี่นี่หามาด้วยความลำบาก
“เข้าไม่ได้นะครับ อันตรายครับ”
ชายชุดดำเอ่ยพร้อมกับยกแขนขึ้นมากันไว้
“ผมจะเข้าไป นี่บ้านผม”
รายได้หลักกูอยู่ในนั้น อย่ามาขวางทางทำมาหากินกู
“คุณบอกว่า ที่นี่คือบ้านคุณ
อย่างนั้นเหรอครับ”
“ครับ”
ทำไม...หน้าตากูดูเหมือนคนอยู่คอนโดรึไง
หลังจากได้ยินดังนั้น ชายชุดดำก็เลี่ยงออกมาคุยโทรศัพท์อย่างลับๆ
จะว่าลับมากก็ไม่ใช่ เพราะมันคุยอะไร
กูได้ยินหมด
“ครับ นายน้อย
เขาบอกว่าที่นี่คือบ้านของเขาครับ”
นายน้อย?
“ครับ ผมจะไม่ให้เกิดปัญหา”
ปัญหา?
“ผมจะพาเขาไปพบเดี๋ยวนี้”
พาเขา? พาใคร? กู?
“ช่วยมากับเราด้วยนะครับ”
ไม่พูดเฉยๆ ชายชุดดำ 3-4 คน ก็เดินเข้ามาประกบข้างแล้วลากผมขึ้นรถไปด้วยทันที....
นี่มันอะไร...พวกมึงจะพากูไปไหน...
กูจะถูกฆ่าไหม
หรือว่า...นี่จะเป็นจุดสิ้นสุดของความเหี้ยในชีวิตกูแล้ว
“ไม่ต้องกลัวหรอกครับ
นายน้อยแค่อยากเจรจากับคุณ”
เล่นล็อคแขนกูขนาดนี้
กูคงนั่งยิ้มอารมณ์ดีได้อยู่มั้ง ไอ้เวร
ดูจากรถที่ไอ้พวกนี้ใช้ก็รู้ได้ทันทีเลยว่า
เจ้านายมันคงจะรวยมาก ไม่ใช่รวยอย่างเดียว น่าจะเป็นพวกมีอิทธิพลในวงการมืดด้วย
กูก็ไม่น่าไปดูละครหลังข่าวกับคนงานก่อสร้างเยอะหรอก
คิดไปถึงไหนต่อไหนแล้วเนี่ย แม่งเอ๊ย
นี่ถ้าเป็นอะไรตายไป
ก็คงไม่มีใครรับรู้ว่ามีมนุษย์จนๆคนหนึ่งเพิ่งหายไปจากโลก
ไม่นานนัก
รถตู้ก็เลี้ยวเข้ามายังที่จอดรถชั้นใต้ดินของอาคารสูงหลังหนึ่ง
ก่อนจะพาผมขึ้นลิฟท์ไปยังชั้นบนสุด
ชายชุดดำที่เดินประกบข้างมาตลอดทางเปิดประตูก่อนจะผายมือให้ผมเข้าไปในห้องทำงานห้องใหญ่
ที่มีคนๆหนึ่งนั่งหันหลังอยู่บนเก้าอี้
“ผมพาเขามาแล้วครับ นายน้อย”
“อืม ออกไปได้”
“ครับ”
นายน้อย? บุคคลที่เหล่าชายชุดดำเรียก ออกคำสั่งให้ลูกน้องของตนเองออกไป
ก่อนจะหมุนเก้าอี้มาเผชิญหน้ากับผม
....
นี่เหรอวะ นายน้อย ที่พวกนั้นมันหมายถึง
นั่งกอดอก ไขว่ห้าง
สายตาที่มองจากดาวอังคารก็รู้ว่ากำลังเหยียดกันแบบนี้...นี่สินะ ที่เขาเรียกว่า
คนรวย
ดูจากภายนอกแล้วก็ไม่น่าจะใช่คนนิสัยดีสักเท่าไหร่
ออกจะหยิ่งๆด้วยซ้ำ
แต่สวยชิบหายเลย...
ยอมรับว่าตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเห็นผู้ชายสวยขนาดนี้มาก่อน
ผิวขาว ปากนิดจมูกหน่อย ตาเรียวๆกับคิ้วตกๆแบบนั้น ทำไมมันดูเข้ากันไปหมดเลยวะ
ลำพังเก็บขวดไปวันๆ
กับวนเวียนอยู่แถวเขตก่อสร้างนี่อย่าได้หวังเลยว่าจะมีอะไรที่เจริญหูเจริญตาให้เชยชม
เดี๋ยวก่อน...
กูว่ามันไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องพรรค์นี้
ว่าแล้วก็ยืนตรง มือประสาน
อยู่ในท่าทางสุภาพชน
“ชื่ออะไร”
นายน้อยเอ่ยถาม
เสียงหวานอย่าบอกใคร
“ครับ”
“ฉันถามว่านายชื่ออะไร”
“ชื่อ สง ครับ”
“สง?”
“ครับ”
“สงเฉยๆเหรอ”
“ครับ สงเฉยๆ” จะบอกชื่อเต็มๆว่า สงสาร
ก็ยังไงอยู่ เดี๋ยวมันจะดูหดหู่เกินไป
“โอเค นายสง ฉันจะเข้าเรื่องเลยละกัน”
“ครับ”
“ที่ฉันให้ลูกน้องพาตัวนายมาก็เป็นเพราะเหตุการณ์ข้างไซท์ก่อสร้างในวันนี้
อย่างที่นายเห็นที่นี่คือบริษัทรับเหมาครบวงจร เรามีหน้าที่ควบคุม ดูแล รับผิดชอบทุกอย่างในงานก่อสร้าง”
“ครับ”
นี่คือหน้าตาเจ้าของบริษัทรับเหมาเหรอวะ...บอกว่าขายผลิตภัณฑ์เสริมความงามยังจะน่าเชื่อกว่า
“ซึ่ง...ฉันขอพูดตรงๆเลยก็แล้วกัน”
“ครับ”
“ถ้านักข่าวรู้ว่า
บริเวณที่คานเหล็กหล่นทับลงไปนั้นคือบ้านคน บริษัทฉันจะได้รับความเสียหายที่ไม่อาจประเมินได้
นายเข้าใจความหมายใช่ไหม”
อ่อ...ที่พามาก็เพราะอยากจะปิดปากกันสินะ...
“เพราะฉะนั้น...รับนี่ไป”
นายน้อยพูดก่อนจะยื่นแผ่นกระดาษสีขาวมาให้
ผมรับมาก่อนจะดูว่ามันคืออะไร
อยู่ๆมือมันก็สั่นเหมือนจะเป็นไข้
ทำไมเลขศูนย์มันมากมายขนาดนี้
มากขนาดที่ต่อให้เก็บขวดทั้งชีวิตก็ไม่มีวันหาได้
“ค่าเสียหาย
หวังว่านายจะไม่ปริปากบอกใครว่าที่นั่นคือบ้าน เพราะถ้าหากเรื่องนี้มันแดงขึ้นมา
นายไม่ได้อยู่อย่างสงบแน่”
“คะ ครับ” นี่ใช่ไหม ที่เขาเรียกว่า
ใช้เงินฟาดหัว ฟาดไม่พอ มีขู่ด้วย...
แต่ไม่สิ...นี่มันเป็นสิ่งที่นายน้อยควรรับผิดชอบตั้งแต่แรกอยู่แล้วป่ะวะ
“ว่าแต่...”
“ครับ?”
“นายอยู่ที่นั่นเหรอ”
“ที่ไหนครับ”
“ก็แผ่นสังกะสีที่พังยับไปไง”
รู้แล้วว่าจน
แต่การเรียกบ้านคนว่าแผ่นนี่มันค่อนข้างสะเทือนใจไปหน่อย...
“ครับ นั่นบ้านผม”
“แบบนั้นเรียกว่าบ้านเหรอ”
นี่คือกำลังถูกคนรวยดูถูกอยู่ ใช่ไม่ใช่
“ครับ”
นายน้อยนิ่งไปสักพัก ก่อนจะเอ่ยถาม
“ปกตินายทำงานอะไรล่ะ”
“งานหลักเก็บขวดขาย
งานรองก็ทำทุกอย่างที่มีคนจ้างครับ”
“งั้นเหรอ...”
ไอ้การนั่งพิงเก้าอี้
พร้อมกับใช้มือจับไปที่ปลายคางของตัวเอง
แล้วทำหน้าเชิดๆเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่แบบนั้นมันคืออะไรวะ
“เก็บขวดไปวันๆจะได้สักกี่ตังค์กัน”
อ้าว...ทำไมสวยแต่ปากหมาแบบนี้ล่ะครับ
อยู่ๆจะมาดูถูกอาชีพสุจริตแบบนี้ได้ยังไง สงไม่ปลื้ม
“ผมอยู่ได้ละกันคุณ”
“เหรอ”
“…”
“อยู่ได้ แล้วสบายไหมล่ะ”
“ผมจะอยู่ยังไง
มันก็ไม่เกี่ยวกับคุณมั้งครับ”
"เหรอ"
อะไรของคุณนายเขาวะ
คือถ้าจะนั่งเชิดหน้าตลอดเวลาแบบนี้คงเรียกนายน้อยต่อไปไม่ได้แล้วล่ะ
“แล้วถ้าฉันบอกว่า จะจ้างงานนายล่ะ
จะถือว่าเกี่ยวได้รึยัง”
“ครับ?”
จ้างงาน
งาน...
งานคือเงิน..
หรือว่า...ฟ้าจะมีตามอบจังหวะชีวิตดีๆที่รอคอยมาให้กูแล้ว...
“สนใจมาทำงานให้ฉันรึเปล่า”
“งานอะไรเหรอครับ”
“ก็...งานง่ายๆ สบายๆแต่รายได้ดี”
มันมีด้วยเหรอวะ...งานแบบนั้น
ในขณะที่กำลังเกิดความสงสัย
คุณนายก็ลุกออกจากเก้าอี้ ก่อนที่ขาเรียวจะก้าวเข้ามาใกล้
แล้วเดินหมุนรอบตัวผมอย่างช้าๆ พร้อมกับไล่มองลงมาตั้งแต่หัวจรดตีน
คืออะไร...
คิดว่าจนแล้วจะลวนลามทางสายตายังไงก็ได้เหรอ...
“หุ่นก็พอได้ ส่วนสูงก็พอดี...”
เสียงหวานเอ่ยก่อนที่มือเรียวจะสัมผัสไปที่ใบหน้าคม
ปลายนิ้วเลื่อนไปตามแนวสันกรามเบาๆ ก่อนจะมองอย่างพิจารณา “หน้าตา...ก็ไม่เลว”
"..."
เดี๋ยวนะ...
กูว่ามันชักจะแปลกๆ...
ไอ้งานสบายๆรายได้ดีที่ว่านี่มัน...
ไม่ใช่งานแบบที่กูคิดอยู่ ใช่ไหม...
“เปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวนิดหน่อย
ก็น่าจะใช้งานได้”
“ถึงผมจะจน แต่ผมก็มีศักดิ์ศรีนะคุณ” บอกเลยว่า ต่อให้อดตาย ก็ไม่ขายตัว
"รู้เหรอว่าฉันจะให้ทำงานอะไร"
"ดูจากสายตาคุณ
ผมก็พอจะรู้แล้วล่ะ"
"หึ" คุณนายกระตุกยิ้ม
ไม่ดี...ไม่มีความดีอยู่ในรอยยิ้มแบบนั้น
“ไม่คิดจะฟังข้อเสนอของฉันก่อนเหรอ”
“ไม่ต้องเสนอแล้วคุณ ผมไม่ทำ”
"แน่ใจนะ"
"ครับ แน่ใจมาก"
“แต่...ฉันให้นายเท่านี้เลยนะ”
คุณนายพูดก่อนจะยื่นแผ่นกระดาษสีขาวมาให้อีกครั้ง
บอกตรงๆว่าเป็นจำนวนเงินที่เห็นแล้วอดที่จะมือสั่นอีกรอบไม่ได้
“ไม่ใช่รายเดือนนะ รายวัน”
เชี่ย...
ค่าเสียหายที่ให้มาก็ว่ามากพอแล้ว
แต่ค่าจ่างที่เสนอมานี่....
ถึงจะคิดเลขไม่เก่งแต่สมองกูทำงานไวมากเลยตอนนี้
ไอ้จำนวนเงินมากมายขนาดนี้ถ้าทำงานทุกวัน...
เหยดแม่...ชีวิตมึงเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังตีนได้เลยนะไอ้สง
เอาไงดีวะ...
แต่การขายตัวมันไม่ดี มึงท่องไว้สิ...
ใช่...มึงต้องไม่หลงในอำนาจเงิน
“งานที่ว่านี่ ผมต้องทำอะไรบ้างคุณ”
ยังไม่ได้ตกลงทำ แค่จะฟังข้อเสนอก่อนเฉยๆ
“ก็...มาเป็นแฟนฉัน”
ห๊ะ??! “ครับ??”
"แบบหลอกๆ"
"..."
"ทำงานเป็นกะ"
"..."
“งงอะไร คือฉันจะจ้างนายมาเป็นแฟน
แต่ไม่ใช่ทุกวัน นายแค่ต้องมาทุกครั้ง ที่ฉันโทรเรียก”
คือยังไง...แฟนพาร์ทไทม์แบบนี้เหรอวะ
“ผมว่าคนอย่างคุณ
ไม่จำเป็นต้องจ้างผมหรอกมั้งครับ ดูท่าทางคุณน่าจะหาแฟนได้ง่ายๆด้วยซ้ำ”
หน้าตาก็ดี รวยก็รวย จะลงทุนจ้างทำไมวะ
“เหอะ...คนพวกนั้นเข้าหาฉัน
ไม่หวังผลประโยชน์ก็หวังเงิน”
“แต่คุณก็กำลังจะใช้เงิน จ้างผม?”
“ฉันต้องการคนที่...ไม่เป็นที่รู้จักในวงสังคม
พูดง่ายๆว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ
และบังเอิญว่านาย...น่าจะเป็นคนที่ยืนข้างๆฉันได้แบบเนียนๆ”
คือเข้าใจว่าหน้าตากูมันดูหล่อรวย
แต่การจะให้ไปทำแบบนั้นมันก็ไม่ง่ายป่ะวะ
ทำไมคุณนายต้องทำอะไรให้มันซับซ้อน
หรือว่ารวยมาก ก็เลยอยากใช้ตังค์
“ว่าไง...น่าสนใจใช่ไหมล่ะ
นายไม่ต้องทำอะไรเลยนอกจากทำตามคำสั่งฉัน ง่ายนิดเดียว”
“ผมต้องมาทุกครั้งที่คุณโทรเรียก?”
“ใช่”
“เวลาล่ะ”
“ตลอดเวลา”
“สถานที่ล่ะ”
“ก็แล้วแต่ฉัน”
ไม่อยากทำ แต่ถามซะละเอียดเลยกู
“ผมว่า...ผมทำไม่ได้หรอกคุณ”
“ทำไมล่ะ...”
ถามมาได้ว่าทำไม ถามเฉยๆไม่พอ
ต้องยื่นแขนมาคล้องคอกันด้วยหรือไง
"..."
อย่า...กรุณาอย่ามองกระผมแบบนั้น...
“นายไม่คิดว่า...นายจะได้กำไรจากงานนี้บ้างเหรอ”
อึก...ถึงกับต้องกลืนน้ำลายลงคอ
กำไรที่คุณนายว่า มันหมายถึงอะไรวะ
แต่สายตาท่าทางของคุณนายตอนนี้...พี่คิดได้อย่างเดียว...
ไม่เชื่อก็เชื่อต้องว่า
นี่กำลังถูกคนรวยอ่อยอยู่
“ว่าไง...”
ถามเฉยๆก็ไม่ได้ ทำไมต้องเข้ามาใกล้ทุกที...
บอกตรงๆว่าตอนนี้เหมือนมีเทวดากับผีห่ากำลังตีกันอยู่ในหัว
ทางด้านเทวดาท่านก็บอกว่า การขายตัวเป็นสิ่งไม่ดีนะนายสง
ถึงนายจะเก็บขวด แต่นายก็ต้องมีศักดิ์ศรี
ส่วนทางด้านผีห่าก็โต้กลับอย่างไม่ยอมแพ้ ศักดิ์ศรีแดกไม่ได้
แต่คนตรงหน้าแดกได้
เอาล่ะ...ผีห่าเริ่มได้คะแนนเสียง
มึงจะบ้าเหรอไอ้สง...มึงต้องอยู่ฝั่งเทวดาไหม
มันถึงจะถูก ถึงจะไม่มีพ่อแม่คอยอบรมสั่งสอนเหมือนลูกคนอื่นเขา
แต่เราต้องยึดมั่นในความดี
ว่าแล้วก็สะบัดหัว
ไล่ความคิดชั่วๆของตัวเองออกไป
ท่องไว้ให้ขึ้นใจ กูต้องมีศักดิ์ศรี!
เก็บขวดแล้วไง ไม่เบียดเบียนใครแล้วกัน
แต่ถ้าตกลงทำ
มึงจะได้เบียดเป็นกำไรนะไอ้สง...
ผีห่าในหัวกูนี่ก็ขยันเสี้ยมจัง
มึงต้องตั้งสติ!!
“ผมรับทำงานนี้ไม่ได้หรอกคุณ”
“หึ..” ริมฝีปากบางยกยิ้ม
มือขาวค่อยๆย้ายตำแหน่งจากลำคอ เลื่อนไปตามแผ่นอกแกร่งอย่างช้าๆ
“จนแต่หยิ่งจังนะ”
เสียงหวานเอ่ย
"..."
อย่าลูบบ่อย เดี๋ยวจะอ่อยสำเร็จ
กลิ่นเงินยังพอทน แต่กลิ่นคนนี่ทนยาก
โดยเฉพาะกลิ่นคนที่กำลังเอามือมาลูบมาคลำแถวนมกูเนี่ย...
ผีห่าในหัวนี่ยิ่งปั่นง่ายอยู่
พยายามเบนหน้าเพื่อหลบสายตาอ้อยระดับสิบของคุณนาย
จังหวะนี้ต้องยึดคติ รายได้ต่ำ
แต่ความอดทนสูง
คุณนายนี่ก็ลูบไม่หยุด
ถูนมกูแล้วจะมีเลขออกมาเหรอวะ งง
คือถ้าลูบนานกว่านี้ คนจนก็เคลิ้มเป็น
บอกเลย
“คุณ...จบเรื่องแล้วใช่ไหม”
ต้องรีบตัดบทเพื่อนความปลอดภัยของร่างกาย
สายตาของคุณนายจากที่เคยโฟกัสที่นม
ก็เปลี่ยนมาโฟกัสที่หน้า
อะไร...
กูต้องหลบไปทางไหนล่ะทีนี้...
มองขนาดนี้ กินกูเลยเถอะ
"ยิ่งเห็นนายปฏิเสธแบบนี้แล้ว..."
กู...จะรอดไหม
“บอกตรงๆนะ ว่าอยากใช้เงินซื้อ”
“...”
ริมฝีปากบางเคลื่อนเข้าหา
เสียงหวานกระซิบที่ข้างหู
“มะนาว”
“ครับ?”
“ชื่อฉัน จำไว้ด้วยล่ะ”
นามบัตรสีขาวถูกสอดไว้ในกระเป๋าเสื้อ
ร่างบางผละออก ก่อนจะเอ่ยอีกครั้ง
“ถ้าเปลี่ยนใจเมื่อไหร่... ก็โทรมานะ”
หลังจากปฏิเสธเงินก้อนโตไปด้วยความที่ศักดิ์ศรีมันค้ำคอ
คนอย่างพี่สงก็ไม่ท้อ ยังคงดั้นด้นทำงานรับจ้างต่อไป
ถึงแม้ว่าจะได้เงินค่าเสียหายจากเหตุการณ์บ้านโดนคานเหล็กทับมาก้อนหนึ่ง
ถามว่ามากไหม ก็มากพอที่จะซื้อบ้านปูนหลังใหม่แบบที่ใครๆเขามีกันได้อย่างสบายๆ แต่จะทำยังไงได้
คนมันเคยชินกับการหาเช้ากินค่ำ จะให้เปลี่ยนกันทันทีมันก็คงจะไม่ง่ายอย่างที่คิด
ถามว่าเสียดายไหมที่มีของดีมากองอยู่ตรงหน้าแต่เสือกหยิ่งเดินหนีออกมาแบบนั้น
บอกเลยว่า ไม่เสียดาย แค่กลืนน้ำลายไปหลายอึก
“ถ้าเปลี่ยนใจเมื่อไหร่... ก็โทรมานะ”
จะโทรยังไงวะ ไม่มีมือถือ
ดีกรี ผับ 23.58 น.
ไม่ใช่ว่ามีเงินแล้วจะลืมตัวอยากเที่ยวกลางคืนแบบคนอื่นเขา
คนอย่างไอ้สงไม่มีทางเสียตังค์ให้กับน้ำที่แดกไปแล้วไม่ได้อะไรนอกจากความเมาแน่นอน
ไม่อยากจะคุยว่าที่ผ่านมาพี่สามารถเดินเข้าผับหรูนี้ได้อย่างสบายๆแบบไม่มีใครสงสัยเลยสักนิด
เพราะหล่อเหรอ
เปล่า เพราะรับจ้างทำงานกลางคืน
บาร์เทนเดอร์ แรปปอร์ ดีเจ
ที่กล่าวมาทั้งหมด บอกเลยว่าทำไม่เป็น
ระดับพี่สงมันต้องเป็นงานที่คนมีศิลปะเท่านั้นที่จะทำได้
ใช่...งานที่ว่าก็คือ
บริการนวดไหล่ในห้องน้ำ
หรือเรียกอย่างสวยงามว่า ศิลปะบนฝ่ามือ
ไม่ใช่เรื่องง่ายๆนะครับ
ที่จะทำให้คนกำลังปลดทุกข์รู้สึกพออกพอใจและผ่อนคลายในระยะเวลาอันน้อยนิดแบบนี้ ยิ่งกับพวกคนเที่ยวกลางคืนด้วยแล้ว
ยิ่งเดาอารมณ์ยาก บางคนแม่งก็เมาหัวร้อน บางคนจับเส้นผิดก็จะแจกตีนกันอย่างเดียว
เพราะฉะนั้นการทำงานแบบนี้ ต้องมีศิลปะในการพูดจา มีจังหวะในการนวด
ถ้าทำดีบอกเลยว่าทิปหนัก
เดินเข้ามาในห้องน้ำเวลาเที่ยงคืน
แปะมือเปลี่ยนกะกับคนจนที่ทำงานมาก่อนหน้า เข้าไปทำหน้าที่เป็นคนจนคนต่อไป
แล้วสายตามันก็ไปสะดุดเข้ากับผู้ชายคนหนึ่ง
สะพายกระเป๋าใบใหญ่กว่าหมอนที่เคยนอนหนุน ยืนทาลิปสติกอยู่หน้ากระจกทั้งๆที่หนวดพี่แกก็มาเต็ม
เอาวะ...กูเลือกคนนี้แหละ
ดูจากกระเป๋าแล้วจะน่าจะพกมาหนักพอสมควร
ไม่รอช้า เดินเข้าไปด้านหลังบ่อเงินบ่อทอง
ก่อนจะจับไหล่ชายกล้ามปูแล้วออกแรงนวดเบาๆ
ชายคนนั้นหยุดทาลิปสติกแล้วมองหน้าผมผ่านกระจก
รู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก...
“นวดเก่งนะเรา”
“อา...ครับ” คือกูเพิ่งจะบีบไปสองที...
"ต่อสิ หยุดทำไม"
"ครับๆ"
“อ่ะ ตรงนั้น อ๊า ตรงนี้ ไม่นะ อะ”
เดี๋ยวก่อน...
คือกูแค่นวดไหล่
มึงจะครางเบอร์ใหญ่ทำไม...
“ชื่ออะไรเหรอ”
“บอกไม่ได้ครับ พอดีเป็นกฎของทางร้าน” บอกเหตุผลไปอย่างหล่อๆ
แต่ความจริงคือไม่มีกฎอะไรทั้งนั้น กูโกหก กูแค่ไม่อยากบอกมึ๊งงง
“ว๊า น่าเสียดายจัง”
ชายกล้ามปูพูดขึ้นก่อนจะควักแบงค์สีเทาในกระเป๋าออกมาพัดอวดรวย
“อันนี้ทิปของเธอนะ”
แบงค์แรกถูกพับใส่กระเป๋าเสื้อ
“ขอบคุณครับ”
“อยากได้มากกว่านี้ไหมล่ะ”
เอาล่ะ...
ชีวิตกูวนมาถึงจุดเสี่ยงอันตรายอีกแล้ว...
“เท่านี้ก็มากพอแล้วครับ”
“อยากให้อีก ง่าาา”
ง่า พ่อง!
คิดว่าน่ารักมากมั้ง
ห่าเอ๊ย..
“ไปนวดให้เจ๊ที่ห้องสิ
เจ๊ให้หมดกระเป๋าเลย”
นั่นไง...คิดไว้ไม่มีผิด
ทำไมชีวิตกูต้องมาเจออะไรแบบนี้ตลอดเลยวะ
เมื่อตอนกลางวันก็ทีนึงแล้ว
นี่ตกกลางคืนกูก็ยังหนีไม่พ้นอีก
“ไม่ครับ”
“ทำไมล่ะตัววว
ห้องเจ๊ใหญ่พอที่จะให้ตัววิ่งเล่นได้เลยนะ”
กูไม่ใช่หมา...
“ทำธุระเสร็จแล้ว
เชิญคุณลูกค้าเที่ยวต่อตามสบายได้เลยนะครับ”
“นี่ไล่เจ๊เหรอ”
“ครับ”
“ได้!!”
ชายกล้ามปูโมโหก่อนจะหยิบแบงค์พันที่เพิ่งเอาใส่กระเป๋าออกมาคืน
“จนแล้วยังหยิ่งอีก
อยากยืนนวดดมกลิ่นขี้ต่อไปก็ตามใจ เชอะ!”
...
ด่าเสร็จแล้วก็เดินสะบัดตูดออกจากห้องน้ำไป
กูผิดอะไร...กูแค่มีศักดิ์ศรี
ไง...
หล่อแต่จน หยิ่งด้วย
ไงล่ะ
ไม่ได้สักบาทเลยมึง
จนแล้วยังหยิ่งอีก...ไอ้คำนี้แม่งหลอนหูได้ทั้งวันจริงๆ
เป็นเพราะคุณนายคนนั้นแท้ๆ
แล้วทำไมกูต้องคิดถึงวะ...
"มะนาว"
"ชื่อฉัน จำไว้ด้วยล่ะ"
คนอะไร เปรี้ยวยันชื่อ
จะว่าไปแล้วก็ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย
ตัวกูมันมีอะไรดี ถึงมีแต่คนอยากซื้อ
ยืนมองตัวเองผ่านกระจกแล้วคิดไม่ตกกับหน้าตา
อืม นี่สินะ สาเหตุ...
สงผิดเอง สงยอมรับ
“อ๊ะ...อย่า”
หืม...นี่มันเสียงอะไร
อยู่ในความสงบได้ไม่เท่าไหร่
หูมันก็บังเอิญได้ยินเสียงแว่วแปลกๆ
“อื้อ บออกว่าอย่าไง”
ชัดเลย...โทนเสียงแบบนี้...มีสูงมีต่ำแบบนี้...
ไม่ต้องเดาก็พอจะรู้ว่า
ทางห้องน้ำด้านในสุดกำลังทำกิจกรรมอะไรกันอยู่
มองซ้ายมองขวา
ไม่มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการห้องน้ำในขณะนี้...
บอกตรงๆว่าไม่ได้อยากเสือกเท่าไหร่
แต่ขากูก้าวออกไปพร้อมหูที่แนบกับบานประตูเรียบร้อยแล้ว...
“อยู่นิ่งๆสิที่รัก”
“คะ ใครที่รัก ปะ ปล่อย”
ไอ้พวกคนรวยนี่มันยังไงวะ
ทำไมไม่ไปเช่าโรงแรมดีๆ หรือว่าที่แคบแบบนี้มันเร้าใจ
“ปล่อย ชะ ช่วยด้วย”
“ชู่ว อย่าเสียงดังไปสิ”
“ชะ ช่วยด้วย”
ช่วยเหรอ?
มันชักจะแปลกๆไหมยังไง
เอาไงดีวะ...
ถ้าเคาะประตูตอนนี้เขาจะหาว่ากูขี้เสือกไหม
มึงเสือกไปแล้วไอ้สง...
เอาวะ ฟังจากเสียงของคนด้านในแล้ว
ดูเหมือนจะไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไหร่
ถ้าไม่ใช่อย่างที่คิด อย่างมากก็แค่โดนตีน
ก๊อกๆๆ ตัดสินใจเคาะประตูไปสามครั้งก่อนจะเอ่ยถาม
“เอ่อ...มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ”
“เสือก”
นั่นไง...โดนไปหนึ่งดอกเลยกู
“ช่วย ช่วยด้วย”
ก๊อกๆๆๆ “มีอะไรกันรึเปล่าครับคุณ”
“เออ กูกำลังจะมี มึงไม่ต้องยุ่ง!”
เออว่ะ...กูก็ไม่น่าไปถามเขาหรอกว่ามีอะไรกันรึเปล่า
แต่ฟังจากเสียงอีกคนแล้วเขาดูไม่ค่อยเต็มใจไง กูถึงต้องยุ่ง
อีกอย่าง....
ไอ้เสียงขอความช่วยเหลือนี่ทำไมมันฟังคุ้นๆจังวะ
หรือว่า...
ไม่ใช่หรอกน่า...โลกมันคงไม่กลมขนาดนั้น
ว่าแล้วก็ไม่รอช้า
เข้าไปในห้องน้ำที่อยู่ติดกันทันที
ก่อนจะปีนชักโครกแล้วยื่นหน้าออกไปดูห้องต้นเสียง
ภาพที่เห็นตอนนี้คือ
ชายร่างใหญ่คนหนึ่งกำลังนั่งคร่อมชายอีกคนที่ผมมองไม่เห็นหน้าอยู่บนฝาชักโครก
ข้อมือเล็กๆถูกชายคนดังกล่าวใช้แรงบังคับจับยกขึ้นเหนือหัวพร้อมกับไซ้ซอกคอของอีกฝ่ายโดยที่ไม่ได้สนใจเลยว่าคนๆนั้นเขาจะพยายามขัดขืนมากแค่ไหน
ไอ้แบบนี้มันไม่ใช่เรื่องดีแล้วล่ะ
“ขอโทษนะคุณ” ขอขัดจังหวะหน่อย
ไอ้คนที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มหยุดการกระทำชั่วขณะ
ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองด้วยสายตาท่าทางที่ดูจะหัวเสียไม่น้อย
“มึงเสือกอะไร”
“คือผมก็ไม่ได้อยากยุ่งหรอกครับ
แต่สิ่งที่คุณกำลังทำอยู่ตอนนี้
ถ้าผมแจ้งตำรวจ รับรองว่าคุณเดือนร้อนแน่”
“คิดว่ากูกลัวเหรอ เรื่องของผัวเมีย
มึงไม่ต้องยุ่ง”
เหอะ...ไอ้พวกหนังหมานี่ทำไมชอบงัดมุกแบบนี้มาใช้วะ
เรื่องของผัวเมีย คิดว่าคนอย่างกูจะเชื่อมึงไหม
ก็เห็นอยู่ว่าคนใต้ร่างมึงดิ้นปฏิเสธ
“ผัวเมียเหรอครับ”
“เออสิวะ!”
“มะ ไม่ใช่ ช่วย ช่วยด้วย”
ผัวเมียบ้านมึงสิ
ร้องขอความช่วยเหลือขนาดนี้
“ถ้าไม่อยากให้ผมแจ้งตำรวจก็หยุดเถอะคุณ”
“แม่งเอ๊ย!” ชายร่างใหญ่สบถก่อนจะยอมปล่อยข้อมืออีกคนแล้วลุกขึ้นมาจ้องผมอย่างไม่สบอารมณ์
“มึง...หึ...ดูจากชุดแล้วคงเป็นแค่เด็กนวดสินะ”
“...”
“มึงรู้ไหมว่ากูเป็นใคร”
กูไม่รู้ว่ามึงเป็นใคร
แต่คนที่อยู่ใต้ร่างมึงเนี่ย กูรู้...
พอไม่มีแผ่นหลังของไอ้ล่ำนี่บังอยู่มันยิ่งทำให้เห็นใบหน้าของอีกคนชัดเจน
ชัดเจนว่าเป็นคนที่กูเพิ่งเจอมาเมื่อตอนกลางวัน...
มาเปรี้ยวอะไรแถวนี้วะคุณนาย
“มึงฟังกูอยู่ไหม ไอ้ห่า”
สายตาคมสบเข้ากับดวงตาเรียวที่มองขึ้นมา
...
ไอ้ท่าทางอิดโรยแบบนี้มันคืออะไรวะ
หรือว่าชอบการใช้กำลัง
ถ้าชอบแล้วจะร้องขอความช่วยเหลือทำไม
หรือว่าพอซื้อเขาไม่ได้ก็เลยมาหาคนอื่นที่นี่
“รู้ไหมว่าแค่กูกระดิกนิ้วนิดเดียวมึงก็ได้เด้งออกจากงานแล้ว
ไอ้เด็กนวดไม่เจียมกะลาหัว”
“ไอ้นี่ก็เห่าไม่เลิก”
“มึงว่าไงนะ”
“หูหนวก?”
“นี่มึง...มึงด่ากูเหรอ
มึงเตรียมตัวโดนไล่ออกได้เลย”
“มึงนั่นแหละออกไป”
“กู?”
“เออ
หรือต้องให้กูตักน้ำในส้วมราดหัวมึงก่อน มึงถึงจะออก”
“มึง!!”
“เอาไง มึงเอาไง กูจะตักแล้วนะ
กูจะก้มแล้วนะ”
“แม่งเอ๊ย!!” ชายหัวเสียชี้หน้าด่าก่อนจะเตะผนังห้องน้ำด้วยความโมโหอย่างเต็มแรง
แล้วเปิดประตูห้องน้ำเดินออกไปอย่างฉุนเฉียว
หลังจากไล่ลูกค้านิสัยผีห่าออกไปได้แล้ว
ก็หันกลับมามองคนที่นั่งอยู่ในห้องน้ำตอนนี้
ไม่เหลือสภาพคุณนายที่แต่งตัวเนี๊ยบตั้งแต่หัวจรดเท้าแบบเมื่อตอนกลางวันเลยสักนิด
ไหล่ขาวข้างหนึ่งโผล่พ้นเสื้อตัวบางที่ถูกดึงลงมา
ผมที่เคยเป็นทรงกลับยุ่งเหยิง
ตามลำคอมีรอยแดงประทับอยู่เต็มไปหมด
“ไงคุณ”
“มันใช่เวลามาทักเหรอ”
อ้าว...นี่คือการตอบกลับคนที่เพิ่งให้ช่วยไปเหลือไป
ถูกไหม
“สำนึกบุญคุณหน่อยสิคุณ”
“จะเกาะผนังห้องน้ำอีกนานไหม”
“??”
คุณนายถอนหายใจก่อนจะพูดขึ้น
“ไม่คิดจะลงมาช่วยกันหน่อยเหรอ”
“อ่อ ครับๆ” ขึ้นมาเกาะนานจนลืมลงเลยกู
ผลักประตูห้องน้ำ
ก่อนจะยื่นมือออกไปข้างหน้า “มาสิคุณ”
คนขอความช่วยเหลือมองมาอย่างอ่อนแรงก่อนจะเอ่ยเสียงเบา
“ลุกไม่ไหว”
พอเห็นแบบนี้แล้วก็อดที่จะส่ายหัวออกมาไม่ได้
โตขนาดนี้แล้วทำไมถึงไม่รู้จักดูแลตัวเองเลยวะ นี่ถ้าเป็นลูกจะไม่ยกมรดกให้ บอกเลย
ว่าแล้วก็เดินเข้ามาในห้องน้ำ
ก่อนจะก้มตัวลงต่ำเล็กน้อยเพื่อให้อีกคนพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นมาได้
“มาคุณ ค่อยๆลุก คราวหลังก็อย่ามาเที่ยว
คน--เฮ้ยยยย!!”
จากที่จะมาให้ความช่วยเหลือในตอนนี้กลับกลายเป็นว่า
ถูกคุณนายดึงเข้ามาก่อนจะพลิกแล้วดันตัวผมให้นั่งลงบนฝาชักโครกแทน
หลังจากนั้น คุณนายก็พาตัวเองขึ้นมานั่งคร่อมบนตักพร้อมกับใช้แขนทั้งสองคล้องคอไว้
สถานการณ์ล่อแหลมแบบนี้มันคืออะไร...
ไวจนกูตั้งตัวไม่ทัน...
“คุณ!!”
“ฮืออ ช่วยหน่อย”
“ก็ผมจะช่วยพาออกไปอยู่นี่ไง ลุกสิคุณ”
“ไม่ใช่ช่วยแบบนั้น...”
ไม่ใช่แบบนั้น...แล้วมันแบบไหน...
“ฉันโดนไอ้เลวนั่นวางยา”
“ห๊ะ!? ยา? ยาอะไร”
“อืออ ร้อนนน”
ท่าจะไม่ค่อยดีแล้วแบบนี้...
"แล้วคุณไปท--.."
ไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายถามซ้ำ
ร่างบางขยับเข้าหาแนบชิด ใบหน้าหวานซบลงที่ลาดไหล่กว้าง
ริมฝีปากบางกดจูบลงบนผิวสีแทนผ่านเสื้อเชิ๊ตสีขาว
จมูกรั้นซุกไซ้ไปตามลำคอที่เต็มไปด้วยเส้นเลือด
ยกยิ้ม ขบกัด หยอกล้อ
“คุณ...”
มือหนาจับไหล่ทั้งสองข้างของคนบนร่างไว้ เพื่อหยุดจากการกระทำที่แสนจะอันตรายนั้น
“ทำไม...” เสียงหวานเอ่ยถาม
ในขณะที่มือขาวค่อยๆลูบไล้ไปใบหน้าคม
ใบหน้าสวยขยับเข้าใกล้...
สายตาคม จดจ้อง...
ริมฝีปากบางโน้มลงไปประทับลงไปที่ต้นคอสีแทนอีกครั้ง
ความนุ่นหยุ่นของริมฝีปากซุกซนนั่น
ถ้าผมได้สัมผัสตรงๆสักครั้ง... มันจะนิ่มแค่ไหนกันนะ
มือขาวไม่อยู่นิ่ง ปลดกระดุม สอดแทรก
ลูบไล้แผ่นอก...
กลิ่นหอมจางๆที่ลอยมาเตะจมูกทุกครั้งที่คนๆนี้เข้ามาใกล้
ถ้าผมได้สูดดมแบบตั้งใจสักครั้ง...มันจะหอมมากแค่ไหนกันนะ
สะโพกกลมบดเบียด...
ผิวขาวละเอียดที่สัมผัสได้จากภายนอก แล้วภายใน...จะขาวเนียนแค่ไหนกันนะ
สายตา...ยั่วเย้า เชิญชวน...
“ไม่อยากช่วยเหรอ...”
อืม...
จูบแม่ง
จังหวะนี้ไม่ต้องสนเทวดาหน้าไหนทั้งนั้นแล้วกู...
"อืออออ"
เขาไม่รู้ว่าคุณนายเต็มใจไหม แต่ที่แน่ใจ คือไม่ปฏิเสธ
เอวบางถูกรั้งแนบชิด แขนเล็กโอบรอบลำคอ...
มือหนาประคองท้ายทอย ใบหน้าทั้งสองเอียงองศาตอบรับ
ระยะห่างเป็นศูนย์...
ริมฝีปากขยับ...เข้าหา สัมผัส ดูดดึง ขบเม้ม...
หัวใจ...เต้นแรง
ความรู้สึก...ที่ยากจะอธิบาย
เป็นสัมผัสที่บางครั้งก็เบา
จนคนตัวเล็กกว่าใจหวิว บางครั้งก็หนักจนแทบจะรับไม่ไหว
ลมหายใจ...ร้อนกว่าครั้งไหนๆที่เคยผ่านมา
เรียวลิ้น ส่งผ่าน เกี่ยวรัด...
ลิ้นเล็ก ตอบกลับ ไม่ยอมแพ้
“ฮื่ออออ”
แต่ถูกต้อน...จนมุม
กลีบปากสวยถูกดูดดึงซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ใบหน้าคมผละออก ให้จังหวะหายใจ ก่อนจะกดจูบ
บดเบียดลงไป อีกครั้ง
และอีกครั้ง...
เสียงหายใจประสาน หอบถี่
เสื้อตัวบางถูกปลด
จมูกโด่ง ซุกไซ้ ไหล่เนียนขาว
ผิวนุ่มลื่นถูกประทับด้วยรอยใหม่
ริมฝีปากหยักเคลื่อนต่ำลงไปยังตุ่มไตสีชมพู
“ฮื่ออ ดะ เดี๋ยว”
ไร้เสียงใดๆผ่านเข้าหู
เรียวลิ้นร้อน แลบเลีย อกขาวแอ่นรับ “อื้ออ ยะ อย่าเพิ่ง ”
ใบหน้าหล่อถูกจับประคองขึ้นมา
ร่างบางหอบหายใจ ตัวโยน
“ยะ หยุดก่อน”
“ทำไมล่ะคุณ...”
“นาย...จะทำงานให้ฉันไหม”
มันใช่เวลามาถามเรื่องนี้เหรอวะ...
“ว่าไง ทำไหม”
หมายถึงงาน หรือสิ่งที่ค้างอยู่ตอนนี้...
“ว่าไง...”
“ถ้าผมทำล่ะ..”
“ก็ถ้านายทำ...” เสียงหวานเอ่ยก่อนที่ริมฝีปากบางจะกดจูบลงไปบนแก้มกร้านอย่างหยอกล้อ
“ก็จะได้กำไรไง”
ยั่วเก่งชิบ...
“ผมเอากำไรตอนนี้เลยได้ไหม”
ไม่มีคำตอบ
มีเพียงแค่รอยยิ้มและสายตาที่สื่อความหมายส่งกลับมา
ในขณะที่ริมฝีปากหยักกำลังจะกดจูบลงไปครั้ง
มือขาวของคนบ่นร่างก็ยกขึ้นมากั้นไว้เสียก่อน
“อะไรอีกล่ะคุณ”
คิก...คนเป็นเจ้านายหัวเราะเสียงเบาก่อนจะหยัดตัวลุกขึ้นจากตักแล้วทำการติดกระดุมเสื้อที่เพิ่งถูกปลด
ปล่อยให้ลูกจ้างหมาดๆงงอยู่ไม่น้อย
"ตกลงว่านายรับงานแล้วนะ"
"เดี๋ยวก่อนคุณ
ไหนว่าโดนวางยาไง"
"ฉันไม่ได้โง่ให้ใครมาวางยาง่ายๆหรอก"
อ้าว...กลายเป็นกูที่โง่แทนซะงั้น
นี่หรือ คือความรู้สึกของคนถูกหลอก
“อ่ะ นี่มือถือ”
“??”
“ฉันให้เป็นสวัสดิการสำหรับพนักงานใหม่”
นั่นไง...รับงานแบบไม่ทันตั้งตัวจนได้เลยกู
“คุณให้ผมแล้วคุณจะเอาอะไรใช้”
“พอดีว่ารวย มีหลายเครื่อง”
แล้วแต่เลย...
“สรุปว่าตอนนี้นายเป็นลูกจ้างฉันแล้ว
เพราะฉะนั้น ถ้าฉันโทรเรียกเมื่อไหร่ นายต้องมา เข้าใจ?”
ไม่...ไม่เข้าใจ...
ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจเรื่องงาน
แต่ไม่เข้าใจที่อยู่ๆมาหยุด...ทำ...
“แล้วเรื่องที่ทำกันเมื่อกี๊ คุณไม่ต่อ...”
“ต่อ? ต่ออะไรเหรอ”
"..."
กล้าพูดด้วยท่าทางไม่รู้ไม่ชี้แบบนี้ได้ยังไงวะ...
“ฉันไปล่ะ”
เดี๋ยว...
“ถ้าโทรมาก็รับด้วยนะ”
เดี๋ยวก่อน...
“อ้อ! ฉันลืมบอกนายอีกเรื่องนึง”
เรื่องอะไร...เรื่องที่จะทำต่อใช่ไหม...
“นาย...” มือขาวจับปลายคางของคนที่นั่งอยู่ให้เชยขึ้น ใบหน้าสวยก้มต่ำแนบชิดใบหู เสียงหวานเอ่ยเบาๆ
“จูบเก่ง”
"..."
อยากจะตอบกลับไปว่า ไม่ได้เก่งแค่จูบ
แต่ก็ไม่ทัน
เพราะคุณนายเดินเชิดออกจากห้องน้ำไปแบบไม่รู้สึกรู้สาอะไรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ถามว่าค้างไหม...บอกเลยว่า เตะบอล 8 นัดก็เอาไม่ลง
ทำไม...
ทำไมถึงทำกับพี่สงแบบนี้...
คนจนก็ขึ้นเป็น
ขึ้นสองคน แต่ต้องพยายามลงคนเดียว
จิตใจทำด้วยอะไร
อยู่ๆจะมาอ่อยแล้วเทกลางทางแบบนี้รู้สึกศักดิ์ศรีที่มีมันย่อยยับ...
หรือชาติก่อนกูเคยไปทำกรรมอะไรไว้จริงๆ
(โปรดติดตามตอนต่อไป...)
----------------- [ Don't Flirt ] -------------------
writer : @N1NEME
#510330tracks
track, beating and them
Comments
Post a Comment