special track [ FOOL ]


[ FOOL ]
MINO x TAEHYUN





พฤษภาคม 2018…



มึงแน่ใจ?”

ร่างสูงเอ่ยเสียงเครียด ใบหน้าคมเข้มดูนิ่งเสียจนคนมองอดใจสั่นด้วยความกลัวไม่ได้ มีคนเคยบอกว่าซงมินโฮเวลาโกรธน่ากลัวราวกับปีศาจ และนัมแทฮยอนรู้ดีกว่าใคร เพียงแต่เขาต้องการจบเรื่องราวทั้งหมดไว้เพียงแค่นี้ แม้จะทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจแค่ไหนก็ตาม

เออ”

เพราะไม่ใช่คนเรียบร้อย น้ำเสียงที่ตอบจึงฟังดูห้วน กระด้าง ไม่น่าฟัง ความจริงแล้วมินโฮไม่ควรหงุดหงิดกับความเป็นตัวเองของแทฮยอนด้วยซ้ำ แต่เพราะว่ามันเป็นคำตอบที่ไม่อยากฟังจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเสีย

เหี้ยเอ๊ย!”

มือแกร่งยกขึ้นเสยผมตัวเองก่อนจะหยิบบุหรี่ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาจุดสูบด้วยสีหน้าหงุดหงิด จำได้ว่าคนตรงหน้าเคยสั่งห้ามไม่ให้สูบในห้อง แต่ในเวลานี้เขาเลือกที่จะเมินเฉย เพราะหากไม่ดับอารมณ์ด้วยบุหรี่ก็ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น

โกรธ 

ใช่ ซงมินโฮโกรธจนอยากทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง

แทฮยอนเม้มปากมองการกระทำไร้มารยาทที่เกิดจากความตั้งใจ เขาสังเกตเห็นว่ามือนั้นมันสั่นราวกับคนเป็นไข้ แต่ไม่ได้พูดอะไร แค่ยืนเงียบมองคนผิวเข้มสูบบุหรี่อย่างใจเย็น และแม้จะเป็นห่วงสุขภาพของคนตรงหน้ามากแค่ไหนก็ไม่คิดที่จะพูดออกไป

เขาเบื่อและเหนื่อยที่จะพูดแล้วล่ะ

เหตุผลล่ะ”

หลังจากยืนสูบสารก่อมะเร็งอยู่นาน มินโฮก็เอ่ยถามถึงเหตุผลของประโยคก่อนหน้านี้ เขาไม่คิดด้วยซ้ำว่าวันหนึ่งจะต้องมาฟังเรื่องนี้จากปากคนรัก แต่ในเมื่อได้ยินแล้วจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องปฏิเสธความจริง สิ่งที่เขาอยากรู้มากที่สุดตอนนี้คือเหตุผลของการ ‘เลิกกัน’ ต่างห่าก

กูมีคนอื่น”

มือที่กำลังจะยกบุหรี่ขึ้นสูบชะงักทันทีที่ได้ยินคำตอบ ใบหน้าคมเข้มแสดงออกถึงความไม่เข้าใจอย่างชัดเจน ริมฝีปากเม้มเป็นเส้นตรง ขมวดคิ้วมุ่น นัยน์ตามีแต่ความสงสัยและไม่เชื่อ สมองถึงกับเบลอไปชั่วขณะ แต่เขายังมีสติมากพอที่จะเอ่ยปากถามเพื่อขอความชัดเจนจากปากเรียวสวยนั่น

แล้วมึงรักมันมากกว่ากู”

“…เปล่า”

แทฮยอนไม่ได้ตอบในทันที เขาหยุดคิดชั่วครู่ก่อนจะพูดความจริงในใจออกไป แน่นอนว่ามันสร้างความมึนงงให้กับคนฟังอย่างมาก

อะไรของมึงวะ”

มินโฮถามเสียงกระชาก ปล่อยบุหรี่ในมือทิ้งลงพื้นโดยไม่สนว่าจะเป็นพื้นห้องพักที่ตัวเองอาศัยอยู่ ก่อนจะใช้เท้าบดขยี้จนไฟมอด ยกมือขึ้นเสยผมพร้อมกับระบายลมหายใจ เอามือเท้าเอว ใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้ม จ้องมองคนผิวขาวอย่างพยายามข่มอารมณ์ไม่ให้กระทำการรุนแรงใดๆ ที่สร้างความเจ็บปวดทางร่างกายให้อีกคน

เกิดความเงียบขึ้นมาเมื่อไม่มีใครพูดอะไร บรรยากาศตึงเครียดและน่าอึดอัดเสียจนแทฮยอนอยากจะหายไปจากตรงนี้ เดี๋ยวนี้ แต่เขารู้ว่าทำแบบนั้นไม่ได้ ซงมินโฮไม่มีทางปล่อยเขาไปหากไม่พูดให้เคลียร์ เมื่อคิดได้อย่างนั้นจึงระบายลมหายใจออกมาก่อนจะสูดเข้าไปใหม่เพื่อรวบรวมความกล้าอธิบายเหตุผลที่ทำให้เขาตัดสินใจ ‘บอกเลิก’ ในวันนี้

เขารักกูมากกว่ามึง”

“…”

คำตอบของแทฮยอนทำมินโฮถึงกับพูดไม่ออก ร่างสูงจ้องมองคนตรงหน้านิ่ง พยายามหาพิรุธเพราะไม่อยากเชื่อว่าคนที่รักเขามากกว่าตัวเองอย่างแทฮยอนจะกล้านอกใจไปมีคนอื่น แต่ไม่ว่าจะพยายามหาความจริงให้ตรงกับใจมากแค่ไหน สิ่งที่ค้นเจอกลับมีเพียงความจริงตามที่แทฮยอนได้พูดออกมาทุกประการ

มึงมั่นใจ?”

เมื่อไม่สามารถหาข้อโต้แย้งได้ จึงทำตัวเป็นคนไม่ยอมรับความจริงเรียกร้องเอาคำตอบจากคำถามที่แม้แต่ตัวเองยังไม่มีความมั่นใจที่จะตอบเสียด้วยซ้ำ แต่เพราะมั่นใจว่าตัวเองสำคัญ จึงลองเสี่ยง

กูเกิดวันที่เท่าไหร่”

“…”

ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ แทฮยอนไม่ได้เร่งเอาคำตอบ และมินโฮยังคงนิ่งเฉยราวกับไม่ได้ยินคำถาม สองสายตาสบประสานกันนิ่ง ดวงตาคู่หนึ่งเจือจางด้วยความหวังอันน้อยนิด กับอีกคู่หนึ่งที่ดูว่างเปล่าเกินกว่าจะทำความเข้าใจ 

เวลาผ่านไปพอสมควร และแทฮยอนคิดว่าควรพอ จึงตัดสินใจพูดประโยคที่ทำให้สมองและหัวใจของมินโฮหยุดทำงาน

มึงจบตั้งแต่คำถามแรกแล้ว ซงมินโฮ”





----- F O O L -----



...สิงหาคม 2014…


ดวงตาเรียวจ้องมองใบหน้าคมเข้มในยามจริงจังนิ่ง แสร้งทำเหมือนไม่มีอะไรทั้งที่ในใจตอนนี้เต้นแรงและเร็วราวกับมีคนมาตีกลองอยู่กลางอกจนกลัวว่าเสียงมันจะดังออกมาให้ได้ยิน นิ้วเรียวกำเข้าหากันแน่นอย่างพยายามข่มใจ ข่มอารมณ์ ข่มความรู้สึกทุกทาง แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้เมื่อสบเข้ากับดวงตาคมเข้มที่ทำให้รู้สึกอ่อนไหวทุกครั้งที่ได้มอง

มองหน้ากู”

น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยสั่งด้วยความเด็ดขาด แทฮยอนจำต้องยอมละสายตาจากกระดานวาดรูปเปล่าริมหน้าต่างมามองใบหน้าหล่อเหลาที่พระเจ้าบรรจงสร้างอย่างช่วยไม่ได้ เพราะมินโฮเวลาจริงจังกับงานไม่เคยอ่อนโยน ดังนั้นแทฮยอนจึงต้องจัดการกับความรู้สึกตัวเองก่อนที่พี่รหัสจะหงุดหงิดแล้วฆ่าเขาด้วยมือเปล่าเพราะทำตัวน่ารำคาญ

คิ้วมึงตลก”

อะไรของพี่วะ”

แทฮยอนชักสีหน้าเมื่อเห็นมุมปากมินโฮยกยิ้ม คิ้วที่ตกอยู่แล้วก็ยิ่งตกลงไปอีกเพราะรู้สึกกลัวกับสายตาดุดันคู่นั้น เคยมีคนบอกว่าเวลาทำหน้าแบบนี้มันเหมือนลูกแมวที่นั่งมองปลาทูบนหลังตู้เย็น เขาไม่รู้หรอกว่ามันจริงหรือเปล่า เพราะไม่เคยเห็นแมวนั่งมองปลาทูบนตู้เย็น ที่ผ่านมาจึงไม่เคยสนใจและปล่อยผ่าน

แต่ในวันนี้

โลกทั้งใบของเขาหยุดหมุน

นัมแทฮยอนมองไม่เห็นอะไรอีกเลยนอกจากรอยยิ้มของซงมินโฮ ผู้ชายผิวเข้มที่ดูน่าเกรงขามตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบ ผู้ชายที่สูงกว่าร้อยแปดสิบที่ดึงดูดให้แทฮยอนเดินเข้าไปหาเพื่อให้คนอายุเยอะกว่าเซ็นสมุดล่าลายเซ็นเป็นคนแรกในช่วงรับน้องทั้งที่ในใจรู้สึกกลัว ผู้ชายที่วาดรูปสวยที่สุดในโลกสำหรับแทฮยอน

ผู้ชายคนเดียวที่แทฮยอนแอบรักมาโดยตลอด ไม่เคยคิดหวังจะได้เลื่อนสถานะจากน้องรหัสไปเป็นคนรัก เพราะแค่ได้รักและโคจรอยู่รอบตัวของมินโฮก็เพียงพอแล้ว เขาเคยคิดแบบนั้นมาตลอด จนกระทั่งวันนี้ ไม่รู้ผีห่าซาตานอะไรเข้าสิงถึงทำให้เขาพูดประโยคที่ไม่คิดจะพูดเลยออกมา

เป็นแฟนกันนะพี่”




มันตกลงคบกับมึง”

อื้อ”

แทฮยอนตอบด้วยน้ำเสียงสดใสพร้อมรอยยิ้มกว้างขณะตักไอศกรีมรสโปรดเข้าปาก วันนี้เขาอารมณ์ดีเป็นพิเศษ มีความสุขจนตัวจะระเบิด ทุกอย่างมันเกิดขึ้นรวดเร็วมากจนแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง และมันง่ายดายจนรู้สึกว่าไม่น่าปล่อยเวลาให้ผ่านมาจนกระทั่งวันนี้เลย ถ้ารู้ว่ามินโฮจะไม่ปฏิเสธ เขาคงขอพี่รหัสคบไปตั้งแต่ครั้งแรกที่ตกหลุมรักแล้ว

ทำไมพี่ดูไม่ดีใจกับผมอ่ะ”

ในขณะที่เขามีความสุข แต่คิมจินอูกลับมีสีหน้ากังวลจนรอยยิ้มบนใบหน้าเขาค่อยๆ จางหายและถูกแทนที่ด้วยความไม่สบายใจแทน

ไม่ใช่ไม่ดีใจเว้ย แต่…”

ดวงตากลมโตคู่สวยที่ปกติเขามองแล้วรู้สึกว่ามันเป็นประกายระยิบระยับเหมือนดวงดาวบนท้องฟ้า บัดนี้กลับดูหม่อนหมองเพราะเจ้าของกำลังกังวลกับอะไรบางอย่าง ซึ่งมันทำให้แทฮยอนรู้สึกแย่ไปด้วย คิมจินอูเป็นรุ่นพี่ที่เขารักและเคารพ เป็นพี่ชายที่แสนดีคอยช่วยเหลือเขามาโดยตลอด เขารักจินอูไม่ต่างจากคนในครอบครัว

พี่พูดมาเหอะ”

จินอูถอนหายใจด้วยสีหน้าของคนปลงตก ยกน้ำขึ้นดื่มเพื่อดับความรู้สึกที่ปะทุอยู่ในใจ มองใบหน้าน่ารักของเด็กที่เขารักเหมือนน้องชายแท้ๆ อย่างเป็นห่วง ไม่ใช่ว่าไม่ดีใจที่มันได้คบกับมินโฮที่แอบรักมานาน เพียงแต่เขาอดเป็นห่วงไม่ได้ หากเป็นคนอื่นคงไม่กังวลขนาดนี้ แต่เพราะเป็นซงมินโฮ

แค่เป็นซงมินโฮก็น่าห่วงแล้ว

จะพูดยังไงดี” จินอูค่อยๆ เรียบเรียงคำพูดเพื่อให้คนเป็นน้องเข้าใจและเห็นภาพมากที่สุด 

“ไอ้มินโฮมันเป็นคนดีนะ เป็นเพื่อนที่ดี เป็นน้องที่ดี เป็นพี่ที่ดี แต่ในฐานะผู้ชายหรือแฟนกูว่ามันไม่ค่อยดี มึงเก็ทช่ะ”

พอเข้าใจนะ แต่มันไม่ค่อยดียังไงอ่ะ พี่มันเจ้าชู้เหรอ”

มึงสบายใจเรื่องนี้ได้”

อ่าว แล้วมีไรให้ต้องเครียดวะ”

กูพูดไปมึงคงไม่เข้าใจ เอาเป็นว่าเดี๋ยวมึงก็รู้เองแหละ”

แทฮยอนขมวดคิ้ว ยอมรับว่าไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่จินอูต้องการจะสื่อเท่าไหร่ เพราะเท่าที่เขารู้จักมินโฮมา กล้าพูดเลยว่ามินโฮเป็นคนดี ส่วนเรื่องชู้สาวไม่เห็นมินโฮเคยสนใจใครเลย

แทฮยอนรู้ว่ามินโฮโสดมาตลอด

แต่ก่อนหน้าที่จะได้รู้จักกันนั้นเขาไม่รู้และไม่สนใจ เพราะมันเป็นอดีต และเท่าที่ได้อยู่ด้วยก็ไม่เห็นมินโฮจะมีปัญหาเรื่องนี้ คนที่ชอบมินโฮมีมากมายแต่ไม่มีใครกล้าเข้ามาทำความรู้จัก อาจด้วยภาพลักษณ์ภายนอกที่ดูเงียบขรึมจึงทำให้หลายคนเกรงกลัว

แต่ไม่ใช่กับนัมแทฮยอน

ไม่ใช่ว่าไม่กลัว ในใจลึกๆ แอบกลัวเหมือนกัน แต่ความอยากรู้จัก อยากสนิทมันมีมากกว่า เขาจึงก้าวข้ามเส้นของความกลัวเดินเข้าไปตีสนิทกับรุ่นพี่สุดหล่อประจำคณะ และเขาทำมันสำเร็จ แทฮยอนสามารถเข้าไปในชีวิตของมินโฮได้พร้อมตกหลุมรักมินโฮซ้ำๆ ในทุกวัน

วันนี้ก็เช่นกัน

แทฮยอนมองมินโฮที่นั่งดื่มอยู่ข้างกาย สายรหัสเขานัดเลี้ยง มากันหมดทุกชั้นปีรวมถึงพี่ปริญญาและพี่ที่จบไปแล้ว เสียงพูดคุยดังไม่หยุด ทุกคนดูสนุกสนาน มินโฮเองก็เช่นกัน ถึงจะไม่ค่อยได้พูดอะไรแต่สีหน้าบ่งบอกว่าเจ้าตัวพึงพอใจกับบรรยากาศในเวลานี้

แทฮยอนตกหลุมรักมินโฮอีกแล้ว

เขาเห็นมินโฮพยักหน้า ส่ายหน้า ขมวดคิ้ว ยิ้มมุมปาก แอบได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอ มินโฮดื่มเหล้าไปค่อนข้างเยอะแต่ไม่เมา สูบบุหรี่ไปหลายมวนจนแทฮยอนอดรู้สึกเป็นห่วงไม่ได้ ตอนยังไม่คบกันแทฮยอนทำได้แค่เป็นห่วงไม่กล้าเอ่ยปากเตือน เพราะเขาเป็นแค่น้อง ไม่มีใครพูดแม้กระทั่งเพื่อนสนิท จึงคิดว่ามันคงจะเป็นการเสียมารยาท

แต่วันนี้เขาได้เลื่อนขั้นเป็นคนรัก

เขามีสิทธิแสดงความห่วงใยในส่วนนี้หรือยัง?

ความเป็นห่วงทำให้แทฮยอนใจกล้าเอื้อมมือไปจับแขนที่กำลังจะสูบบุหรี่เป็นการห้าม ริมฝีปากบางขยับบอกให้ “พอแล้ว” แบบไร้เสียงพร้อมกับยิ้ม รอยยิ้มของมินโฮค่อยๆ จางพร้อมกับมือที่ยอมปล่อยแต่โดยดี ถึงจะไม่ได้พูดอะไรสักคำ แต่แทฮยอนรับรู้ได้ว่าอีกคนไม่ค่อยพอใจกับการกระทำ

เป็นครั้งแรกที่แทฮยอนน้อยใจ



----- F O O L -----



แทฮยอนนั่งมองแผ่นหลังกว้างของมินโฮที่นั่งวาดรูปอยู่ตรงหน้า วันนี้เขากับมินโฮไม่มีเรียนจึงอยากชวนคนเป็นพี่ไปเที่ยวเล่นตามประสาคนรัก แต่กลับถูกปฏิเสธเพราะมินโฮเป็นมนุษย์ห้องที่ไม่ชอบออกไปเจอกับความวุ่นวาย ตอนแรกแทฮยอนพยายามที่จะตื้อแต่พอถูกสายตาดุมองจึงต้องจำต้องยอมและนั่งเป็นผักเปื่อยอยู่ในห้อง

ทั้งที่อยู่ใกล้กันแค่นี้

แต่ทำไมถึงได้รู้สึกว่ามันไกลนัก

พี่มินโฮ”

เมื่อรู้สึกว่ามันเงียบและน่าเบื่อเกินไปเลยคิดหาเรื่องชวนอีกฝ่ายคุย แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือความเงียบ มินโฮไม่สนใจเขาเลยสักนิด มันเป็นเรื่องปกติ แทฮยอนรู้ว่าเวลามินโฮวาดรูปจะไม่สนใจสิ่งอื่นใดนอกจากภาพตรงหน้า แต่ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาคิดลอง ส่วนลึกของจิตใจคิดว่าหากได้เป็นคนสำคัญของมินโฮแล้วมันจะเกิดการเปลี่ยนแปลง

“...มึง”

อย่ากวน”

การพิสูจน์สิ้นสุด

ต่อให้เป็นคนรักก็ไม่สำคัญ

แทฮยอนไม่ได้รู้สึกโกรธหรือไม่พอใจ เพียงแค่รู้สึกน้อยใจนิดหน่อย แต่ช่างมันเถอะ ก่อนหน้านี้มันก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว เขาหวังให้มินโฮเปลี่ยนตัวเองเพื่อเขาอย่างงั้นเหรอ

ฝันกลางวันหรือไง

สุดท้ายแทฮยอนก็ปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยไม่ทำอะไร เขาที่รู้สึกเบื่อหน่ายทำเพียงแค่นอนมองมินโฮวาดรูปอยู่อย่างนั้น รู้ตัวอีกทีตอนถูกปลุกเพราะเผลอหลับ งัวเงียขึ้นมามองคนที่ยืนค้ำหัว มินโฮไม่ได้พูดอะไร เดินไปใส่เสื้อคลุมและหมวก แทฮยอนนอนมองการกระทำนั้นอย่างงุนงงก่อนจะเด้งตัวลุกขึ้นนั่งเมื่อเห็นมินโฮใส่รองเท้าและไม่รอช้ารีบวิ่งตามอีกคนออกจากห้องไป

ความสุขเล็กๆ เกิดขึ้นอีกครั้ง

ถึงจะแค่นั่งกินมาม่าอยู่หน้าเซเว่น แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าดีใจ สำหรับแทฮยอนแล้วอะไรที่มินโฮยอมให้เขาเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตก็ถือว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์ จึงไม่แปลกที่เขาจะกินไป ยิ้มไป บางครั้งก็หลุดหัวเราะออกมาราวกับคนบ้า

เป็นไร”

มินโฮอดสงสัยไม่ได้กับพฤติกรรมประหลาดของคนข้างๆ แทฮยอนที่ในปากมีเส้นมาม่าอยู่เต็มจนแก้มอูมส่ายหน้าปฏิเสธด้วยรอยยิ้มก่อนจะก้มกินต่อ มินโฮไม่ได้เซ้าซี้ ยกมือผลักหัวคนอายุน้อยกว่าแล้วนั่งกินในส่วนของตนโดยไม่สนใจเสียงโวยวายที่ฟังไม่รู้เรื่องของแทฮยอน



แทฮยอนย้ายมาอยู่กับมินโฮหลังจากคบกันได้ประมาณห้าเดือนด้วยเหตุผลที่ว่าแค่อยากอยู่ด้วยกันเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่ามินโฮไม่ปฏิเสธ ยิ่งนานวันเขายิ่งติดมินโฮมากขึ้น มันมากจนรู้สึกกลัว หากวันข้างหน้าทุกอย่างไม่เป็นดั่งใจ เขาจะอยู่อย่างไร แต่เขาไม่สามารถห้ามความรู้สึกตัวเองได้

เขารักมินโฮ

รักมินโฮมากขึ้นทุกวัน



แทฮยอนที่เหนื่อยจากการเรียนทั้งวันฉีกยิ้มกว้างทันทีที่เห็นแผ่นหลังอันคุ้นเคยของคนรัก ไม่ว่าเวลาไหนมินโฮก็มักจะวาดรูปเสมอ แทฮยอนรู้ว่าไม่ควรรบกวนเวลาอันมีค่าของมินโฮ แต่วันนี้เขาเหนื่อย อยากอ้อน อยากได้รับความสนใจ เพราะการมีมินโฮอยู่คือความสบายใจของเขา

มันไม่ผิดใช่ไหมที่เขาจะเอาแต่ใจตัวเองบ้าง

แทฮยอนค่อยๆ ย่องไปหาคนรักอย่างเบาที่สุด ดวงตาเรียวฉายแววสนุกกับสิ่งที่กำลังทำ แค่กอดคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง เขาอยากกอดมินโฮจากด้านหลังมานานแล้วด้วย ปกติทำได้แค่มองเพราะไม่มีโอกาส เมื่อคิดได้อย่างนั้นจึงอ้าแขนโอบกอดรอบเอวของคนรัก แต่ยังไม่ทันที่จะได้มีความสุขกลับถูกผลักออกอย่างแรงจนล้มกระแทกพื้น

ทำบ้าอะไรวะ!”

น้ำเสียงโมโหและท่าทางโกรธของมินโฮสร้างความหวาดกลัวให้กับแทฮยอนได้ไม่ยาก ริมฝีปากบางเม้มแน่นเมื่อสบกับดวงตาไม่พอใจคู่นั้น น้ำตาเอ่อคลอเบ้าอย่างไม่ตั้งใจ ทุกความรู้สึกมันมาจุกรวมกันอยู่ที่อก

แม่งเอ๊ย”

ไม่มีโอกาสแม้กระทั่งจะขอโทษ มินโฮก็เดินหนีออกไป ทิ้งให้แทฮยอนรู้สึกแย่อยู่ในห้องเพียงลำพัง เขาเงยหน้าขึ้นเพื่อไม่ให้น้ำตามันไหลออกมา ความจริงไม่ได้เป็นคนขี้แยหรอก แต่เมื่อสักครู่ตกใจมากจริงๆ และกลัวมากด้วย ไม่เคยเห็นมินโฮโหมดนี้มาก่อน เขาผิดเองที่เล่นอะไรพิเรนทร์ไม่ดูสถานการณ์ มินโฮไม่ผิดหรอกที่ไม่พอใจขนาดนั้น 

ทั้งที่โทษตัวเองขนาดนี้แล้ว แต่ไม่รู้ทำไมถึงตัดความรู้สึกน้อยใจออกไปไม่ได้เสียที

เป็นอีกครั้งที่แทฮยอนน้อยใจ

และถูกความรู้สึกนั้นกัดกินจนส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน

เป็นอะไร หน้าเครียดๆ”

คิดเพลงไม่ออก”

อย่างมึงนี่นะ”

จินอูพูดด้วยน้ำเสียงไม่อยากจะเชื่อ นอกจากวาดรูปแล้วแทฮยอนสนใจทางด้านดนตรีด้วย จึงไม่แปลกที่จะอยู่ชมรมดนตรี เดินแบกกีตาร์ไปมาอยู่คนเดียวในเอก ซึ่งแทฮยอนทำมันได้ดีทั้งสองอย่าง มีความสุขกับการวาดรูป ผ่อนคลายกับเสียงดนตรี ตั้งแต่รู้จักกันมายังไม่เคยเห็นแทฮยอนเครียดจนส่งผลกระทบต่องานเลย

เออดิ อีกสองวันต้องส่งเนี่ย แต่เขียนไม่ได้”

เครียดไรวะ”

คำถามของจินอูทำให้แทฮยอนนึกถึงใบหน้าของซงมินโฮ แต่ต้องสลัดมันทิ้งเพราะไม่อยากให้ความสุขของเขากลายมาเป็นความทุกข์ มันไม่ใช่เพราะมินโฮหรอก แทฮยอนผิดเองที่ไปยุ่งเรื่องส่วนตัว เพราะเมื่อก่อนก็ไม่เคยเข้าไปก้าวก่าย ที่จริงควรต่างคนต่างอยู่เหมือนตอนแรกรู้จักกันด้วยซ้ำ แต่หากทำแบบนั้นมันก็ไม่ต่างอะไรจากสถานะพี่น้องไม่ใช่หรือไง หรือเขาควรอยู่และทำตัวเหมือนคนแอบรัก เพราะในช่วงเวลาเหล่านั้นแทฮยอนไม่เคยทุกข์ใจเลย ไม่เคยเลยจริงๆ

ไม่มีไร กลับแล้ว”

แทฮยอนเลือกที่จะโกหกและเดินออกมาก่อนที่จินอูจะกดดันเขาจนได้คำตอบ เพราะไม่อยากให้เรื่องระหว่างเขากับมินโฮกลายเป็นเรื่องของคนอื่นไปด้วย มินโฮไม่เคยให้ใครเข้ามายุ่งเรื่องส่วนตัว หากแทฮยอนเล่าปัญหาของความสัมพันธ์ให้จินอูฟังแล้วมินโฮมารู้ทีหลังมันคงไม่ดี

แทฮยอนกลับมาห้องด้วยสภาพจิตใจที่หนักอึ้ง เป็นอีกวันที่เขายืนมองประตูห้องด้วยหัวใจห่อเหี่ยว เพราะรู้ดีว่าเมื่อเปิดประตูเข้าไปจะเจอกับมินโฮที่นั่งวาดรูปอยู่ เป็นภาพเดิมๆ ที่แทฮยอนเห็นจนชิน ทุกอย่างเหมือนเดิมยกเว้นตัวเขาที่รักมินโฮมากขึ้นทุกวันและคิดเรื่องยิบย่อยหลายอย่างจนรู้สึกว่าตัวเองเริ่มเครียด

เสียงถอนหายใจดังขึ้นก่อนเจ้าตัวจะเปิดประตู แทฮยอนมองแผ่นหลังกว้างแล้วอยากเดินเข้าไปกอด เข้าไปอ้อน แต่ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นทำให้เขาต้องหยุดความคิดตัวเอง ไม่อยากรู้สึกแย่แบบนั้นอีกแล้ว อะไรที่ทำแล้วหัวใจเจ็บปวดแทฮยอนเลือกที่จะหลีกเลี่ยง น่าขำสิ้นดี ทั้งที่เป็นคนรักกันแท้ๆ แต่ทำไมถึงได้ใจร้ายกับเขานัก

กลับมาแล้ว”

เขาเอ่ยเบาๆให้อีกคนรับรู้ ไม่รู้ว่าได้ยินหรือเปล่า แต่ถือว่าได้บอกแล้ว เขาเอากีตาร์ไปวางบนโซฟาตัวโปรดที่ลงทุนขนมาจากห้องตัวเองเพราะชอบมากจนไม่อยากปล่อยให้มันเดียวดายอยู่ในห้องที่ว่างเปล่า ส่วนโซฟาของมินโฮถูกย้ายไปอยู่ในห้องนอน เพราะแทฮยอนชอบอยู่ห้องนั่งเล่นมากกว่า ห้องที่มินโฮใช้ชีวิตอยู่มากที่สุด

ในเวลานี้แค่ได้หายใจอยู่ใกล้ๆ ก็ดีมากแล้ว

แทฮยอนเดินไปล้างมือล้างเท้าก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดอยู่บ้าน แต่พอเดินออกมาที่ห้องนั่งเล่นเห็นกลับมินโฮนั่งเกากีตาร์อยู่บนโซฟา คิ้วเรียวเลิกขึ้นมองอย่างแปลกใจ เพราะปกติหากมินโฮวาดรูปอยู่จะไม่ทำอย่างอื่น จะนั่งวาดอยู่อย่างนั้นจนกว่าจะเสร็จ วันนี้แปลกแต่แทฮยอนไม่ได้ถามอะไร เดินไปที่ห้องครัวหยิบจานผลไม้ และไวน์มาวางไว้บนพื้นหน้าโซฟา

ขอกีตาร์”

มีส่งงาน?”

อือ”

แทฮยอนรับกีตาร์มาจากมินโฮก่อนจะนั่งลงบนพื้นและดีดกีตาร์ไปเรื่อยเปื่อยเพราะคิดอะไรไม่ออก แต่ไม่อยากให้ห้องมันเงียบเพราะรู้สึกอึดอัดแปลกๆ 

มินโฮยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ไม่พูดอะไรเช่นเดิม ส่วนแทฮยอนยิ่งเล่นยิ่งรู้สึกเครียด เป็นอีกครั้งที่เขารู้สึกไม่มีความสุขกับสิ่งที่เป็นความสุขของตัวเอง

ตึง!

เผลอดีดกีตาร์ด้วยความตกใจ

ทุกอย่างหยุดนิ่ง 

แทฮยอนเม้มปากแน่นเมื่อสัมผัสได้ว่ามือใหญ่ของคนรักลูบหัวตัวเองอย่างแผ่วเบา เขาหันไปมองมินโฮที่ขยับลงมานั่งข้างกันบนพื้น ใบหน้าหล่อคมเข้มยังคงเรียบเฉยและไร้ซึ่งคำพูดเช่นเดิม ดวงตาเรียวมองมือหนาเอื้อมไปหยิบส้ม ปอกเปลือกและยื่นมันมาให้ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่การกระทำเหล่านั้นมันทำให้แทฮยอนอยากร้องไห้แล้วโผเข้ากอดอีกคนเหลือเกิน

ใบหน้าเคร่งเครียดเปลี่ยนเป็นผ่อนคลายเมื่อความสบายใจเข้ามาแทนที่ แทฮยอนยอมวางกีตาร์แล้วหยิบส้มจากของคนรักมากิน สักพักมินโฮก็ยื่นขวดไวน์ให้ แทฮยอนเลิกคิ้วมอง แต่มินโฮไม่พูดอะไร เมื่อเป็นแบบนั้นก็เลยยักไหล่แล้วรับไวน์มาดื่ม

เสียงหัวเราะดังขึ้นประสานกับเสียงกีตาร์ที่เปลี่ยนจากทำนองไร้ทิศทางในตอนแรกเป็นจังหวะสนุกที่ถึงจะไม่ถูกต้องตามหลักการแต่ฟังแล้วมีความสุข แทฮยอนนั่งดีดกีตาร์ไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม โดยมีมินโฮนั่งดื่มไวน์เงียบๆอยู่ข้างๆ

เขาตกหลุมรักมินโฮอีกแล้ว



----- F O O L -----



ชีวิตรักของแทฮยอนตลอดเวลาปีกว่าเป็นไปอย่างเรียบง่าย ไม่หวือหวา มีบ้างที่รู้สึกแย่และเบื่อ แต่แทฮยอนสามารถจัดการกับความรู้สึกเหล่านั้นได้ ตลอดเวลาที่คบกัน เขาเรียนรู้ที่จะอยู่กับมินโฮให้เป็น แม้บางครั้งจะต้องทิ้งตัวตน แต่เพื่อให้มีมินโฮอยู่เคียงข้างเขาพร้อมที่จะเสียสละทุกอย่าง

แต่สำหรับมินโฮ

แทฮยอนไม่รู้หรอก

ไม่รู้เลยว่าอีกคนรักตนหรือเปล่า เพราะมินโฮไม่เคยพูด

แทฮยอนได้แต่คิดเอาเองว่าการที่มินโฮพาไปกินข้าวนอกบ้านทั้งที่ชอบอยู่ห้องมากกว่าหมายความว่ามินโฮรัก

ทุกครั้งที่กระทำรุนแรงต่อแทฮยอนจะด้วยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจแต่สุดท้ายก็ทำตัวอ่อนโยนกับแทฮยอนแม้จะแค่เล็กน้อยหมายถึงมินโฮรัก

มินโฮซื่อสัตย์ ไม่นอกใจ ไม่นอกกาย ถือว่ามินโฮรัก

การที่มินโฮอยู่ยังอยู่กับแทฮยอนนั่นก็หมายถึงมินโฮรัก

ไม่เป็นไรหรอก ไม่พูดให้ได้ยินก็ไม่เป็นไร แค่ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมมันเพียงพอแล้ว

จริงเหรอ?

ทั้งที่ทุกอย่างดูเป็นไปได้ด้วยดี แต่ทำไมถึงรู้สึกว่าตัวเองเป็นแฟนที่ไม่ได้เรื่อง เป็นห่วงเรื่องสุขภาพคนรักแต่ไม่มีสิทธิก้าวก่าย เป็นห่วงเวลาเห็นอีกคนทำงานหนักแต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากมองอย่างห่วงๆ เพราะมินโฮไม่ชอบให้เข้าไปยุ่ง 

เวลามินโฮมีเรื่องไม่สบายใจหรือเครียดเขายังไม่สามารถช่วยอะไรได้เลยเพราะมินโฮไม่เปิดให้เขาเข้าไปอยู่ในโลกส่วนนั้น

แทฮยอนโคตรแย่

แม้กระทั่งเวลานี้แทฮยอนยังโคตรแย่

แทฮยอนยืนตัวสั่น น้ำตาคลอเบ้าด้วยความรู้สึกผิดและกลัว ริมฝีปากบางเม้มแน่นเป็นเส้นตรง มองคนรักที่ยืนก้มมองผลงานที่ถูกทำลายด้วยน้ำมือของเขาอย่างไม่ตั้งใจ เขาเห็นว่าห้องมันค่อนข้างจะรกเพราะมินโฮกำลังปั่นงานเลยจะเก็บกวาดห้อง ทั้งที่ระวังมากแล้วแท้ๆ แต่ก็พลาดไปชนกระดานวาดรูปล้มและโชดร้ายที่มันไปชนกับแก้วน้ำที่วางอยู่จึงหกเลอะภาพจนนำไปใช้งานไม่ได้

มึง ขอโทษ”

ออกไป”

มินโฮ”

สายตาดุที่เต็มไปด้วยความโกรธทำให้แทฮยอนรู้สึกเจ็บปวด ทุกครั้งเขาเลือกที่จะยอมถอยเพื่อให้มินโฮได้อยู่กับตัวเอง แต่ครั้งนี้อยากจะลองดื้ออยู่กับมินโฮสักครั้ง อยากช่วยอะไรก็ได้เพื่อทำให้มินโฮรู้สึกดีขึ้น อยากอยู่กับมินโฮในทุกช่วงเวลาไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์

ขอโทษ เดี๋ยวช่วย…”

นัมแทฮยอน”

น้ำเสียงจริงจังนั่นทำให้แทฮยอนกลืนคำพูดที่อยากจะพูดออกไป น้ำตาไหลออกมาด้วยความโกรธตัวเองและกลัวมินโฮ เขากำหมัดแน่นก่อนจะกลั้นใจเดินออกจากห้องทั้งที่อยากจะอยู่ดูแลความรู้สึกของมินโฮแทบตาย แต่ในเมื่อเจ้าตัวไม่ต้องการ ก็ไม่รู้จะหน้าด้านไปเพื่ออะไร

แทฮยอนยอมออกจากห้อง เดินไปตามทางอย่างไร้จุดหมาย เขาร้องไห้โดยไร้เสียงตลอดทาง ในใจเอาแต่คิดถึงมินโฮ ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง เขาจำได้ว่างานมันต้องส่งพรุ่งนี้ และมันใกล้เสร็จแล้ว แต่เขากลับทำทุกอย่างพังในพริบตา

โกรธตัวเองเหลือเกิน

เดินมาเรื่อยๆ รู้ตัวอีกทีเขาก็หยุดอยู่ที่คาเฟ่ของจินอูเสียแล้ว ในเวลานี้พี่ชายตัวเล็กกำลังยุ่งกับการเก็บร้าน แทฮยอนยืนมองทั้งน้ำตาอยู่หน้าร้าน ใจหนึ่งอยากเดินเข้าไปหาเพื่อระบายความรู้สึกทุกอย่างให้จินอูฟัง แต่อีกใจก็ไม่อยากให้จินอูต้องมารับรู้ด้านที่ทำให้คนรักถูกมองไม่ดี เพราะมันไม่ใช่ความผิดของมินโฮ

ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันคือความผิดของเขาเอง

สุดท้ายแทฮยอนก็เลือกที่จะเผชิญกับปัญหาเพียงลำพังเหมือนที่ผ่านมา เขาเดินออกจากร้านของจินอูตรงไปยังแม่น้ำที่น่าจะช่วยเยียวยาสภาพจิตใจของเขาได้ดีที่สุด แทฮยอนนั่งมองแม่น้ำยามค่ำคืนที่เงียบสงบ ดูสวยงามและน่ากลัวในเวลาเดียวกันเหมือนกับมินโฮที่แทฮยอนรู้จัก สายลมบางเบาที่พัดผ่านไม่ได้ทำให้รู้สึกดีเลย

ทำไมฝนตกเนี่ย”

แทฮยอนสะดุ้ง หันไปมองคนแปลกหน้าที่นั่งลงข้างกาย มือเรียวรีบยกขึ้นเช็ดน้ำตาตัวเองทันทีที่เห็นว่าเป็นรุ่นน้องในคณะ เขารู้ว่าประโยคเมื่อสักครู่ไม่ได้หมายถึงสภาพอากาศ แต่หมายถึงน้ำตาของเขาที่ไหลอาบแก้มอยู่ในตอนนี้ต่างหาก

มาอินดี้อะไรอะไรตรงนี้พี่”

นั่งเล่น”

ดูเหมือนมานั่งเล่นมาก”

ยุ่ง”

ฮ่าๆ”

คิมจีวอนหัวเราะเสียงสดใสสวนทางกับบรรยากาศที่ดูเศร้าหมอง แต่ไม่นานก็เงียบและนั่งมองแม่น้ำนิ่งสงบ ไม่มีบทสนทนาอะไรระหว่างกัน ทั้งสองคนนั่งอยู่อย่างนั้นจนสุดท้ายแทฮยอนลุกขึ้นเพื่อเตรียมกลับห้องเพราะเขาออกมานานเกินไปแล้ว

ย่าเคยบอกผมว่าให้ลองชั่งกับช่างดู”

แต่ยังไม่ทันที่จะเอ่ยลาคนอายุน้อยกว่า จีวอนก็เอ่ยประโยคแปลกๆ ขึ้นมาให้ต้องหยุดฟัง แทฮยอนก้มมองรุ่นน้องที่นั่งไม่ละสายตาจากแม่น้ำ

ย่าพูดว่าคนเราไม่มีทางไม่รู้หรอกว่ามีความสุขกับสิ่งไหนหรืออะไรทำให้เป็นทุกข์ ถ้าอยู่ๆ วันนึงมีอะไรที่ทำให้ฝนตกที่ตาให้ลองชั่งสิ่งนั้นดูว่าอยู่กับมันแล้วสุขเยอะกว่าหรือทุกข์เยอะกว่า”

“...”

ถ้าชั่งดูแล้วเลือกทิ้งไม่ได้ก็ให้ช่างแม่ง”

“...”

แต่ถ้าช่างแม่งแล้วเลือกเก็บไว้ก็ต้องปรับตัว ถ้าช่างแม่งแล้วเลือกทิ้งก็ต้องปรับตัวเหมือนกัน”

“...”

เพราะถ้าช่างแม่งแล้วแสดงว่าเลือกแล้วก็ต้องยอมรับกับสิ่งที่เลือกและต้องอยู่กับมันให้ได้”

“...”

แต่พี่รู้ปะ”

“…”

ผมไม่เคยชั่งหรือช่างแม่งอะไรเลย ให้คุกกี้ทำนายตลอด”

จีวอนยิ้มกว้างเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะจากรุ่นพี่ที่แอบมานั่งร้องไห้อยู่คนเดียว เขาเดินตามแทฮยอนมาตั้งแต่อีกคนลงมาจากคอนโดฯ แล้ว เดินตามมาเรื่อยๆ เพราะรู้สึกเป็นห่วงเนื่องจากสภาพของแทฮยอนค่อนข้างแย่ ไม่รู้หรอกว่ามีเรื่องอะไร แต่แค่อยากอยู่ด้วยเพื่อทำให้อีกคนสบายใจขึ้นบ้าง

สักนิดก็ยังดี

ขอบใจ”

“...”

เดี๋ยวจะไปหาซื้อคุกกี้แล้วกัน”



----- F O O L -----



เสียงกดกริ่งรัวๆ ปลุกให้คนไม่สบายที่หลับไปตั้งแต่หัวค่ำสะดุ้งตื่น นัมแทฮยอนยกมือขึ้นกุมขมับด้วยใบหน้ายับยู่ยี่เนื่องจากรู้สึกปวดหัว แต่นี่ไม่ใช่เวลาอ่อนแอ กริ่งที่ดังไม่หยุดในยามวิกาลสร้างความไม่พอใจให้กับเพื่อนข้างห้อง จึงกลั้นใจฝืนร่างกายที่ร้อนระอุเพราะพิษไข้ไปเปิดประตูให้คนก่อความวุ่นวาย

ร่างสูงใหญ่ที่โถมเข้าใส่จนคนป่วยต้องกัดฟันแน่นเพื่อรับน้ำหนักของคนเมาไร้สติ กลิ่นแอลกอฮอลล์รุนแรงทำให้รู้ว่าคนผิวเข้มดื่มหนักมากแค่ไหน ดวงตาเรียวมองคนในอ้อมกอดอย่างหงุดหงิด

ขอโทษด้วย ห้ามไม่อยู่จริงๆ”

น้ำเสียงรู้สึกผิดทำให้แทฮยอนละสายตาจากคนเมาไปมองรุ่นพี่หน้าตี๋ตัวสูง เขายิ้มพร้อมส่ายหน้า ไม่เคยคิดต่อว่าคนตรงหน้าเลยสักครั้ง เพราะรู้จักกันมานานจึงรู้ว่าคนอย่าง อีซึงฮุน คงพยายามอย่างถึงที่สุดแล้ว คนอย่างมินโฮหากต้องการจะทำอะไรไม่ว่าใครหน้าใครก็ไม่สามารถห้ามปรามได้ทั้งนั้น

ไม่เป็นไรครับ”

ฝากมันด้วยนะ”

ขอบคุณครับพี่ซึงฮุน ขอบคุณพี่ซึงยูนด้วยครับ”

แทฮยอนเอ่ยขอบคุณร่างสูงที่ทำหน้าที่เพื่อนแสนดีมาส่งคนรักตนถึงห้อง รวมไปถึงแฟนหนุ่มร่างบางของรุ่นพี่คนสนิทที่ยืนหน้าแดงเมาไม่ต่างกัน เขาส่งยิ้มให้กับซึงยูนซึ่งเจ้าตัวก็พยักหน้าหงึกๆพร้อมกับทำมือโอเคทั้งที่ลืมตาไม่ขึ้น แทฮยอนมองแล้วอดอมยิ้มไม่ได้ เพราะคิดว่ามันดูน่ารักดี ไม่เหมือนกับคนที่กอดเขาจนแทบจะหายใจไม่ออกตอนนี้

พี่กลับก่อนนะ”

ซึงฮุนเอ่ยลาแฟนเพื่อนสนิทแล้วคว้าเอวบางของคนรักที่เมาไม่ต่างกันเดินจากไป รู้สึกผิดที่ปล่อยให้มินโฮดื่มเกินลิมิต แต่เขาจนปัญญาจริงๆ เพราะดูเหมือนเพื่อนสนิทจะมีเรื่องรบกวนจิตใจ ซึ่งเขาไม่ได้ถาม หากมินโฮอยากให้รู้คงพูดออกมาเอง เขาแค่ต้องรอเวลาเท่านั้น แม้จะเป็นห่วงมากแค่ไหนก็ตาม ประกอบกับเจ้าลูกหมาข้างกายดันดื้อที่จะประลองกับมินโฮให้ได้ สุดท้ายก็อย่างที่เห็น เละทั้งคู่

มึง ไม่เอา”

แทฮยอนพยายามเบี่ยงตัวหนีคนเมาที่พยายามจะจูบตัวเอง ทั้งที่แรงจะยืนไม่ค่อยจะมีแต่ยังต้องรวบรวมกำลังอันน้อยนิดเพื่อพยุงคนไร้สติไปที่โซฟาห้องนั่งเล่น ใบหน้าซีดอยู่แล้วซีดหนักกว่าเดิมเพราะใช้แรงมากเกินไป ร่างขาวทิ้งคนผิวเข้มลงบนโซฟาไร้ซึ่งการทะนุถนอม ไม่ใช่ไม่ห่วงสภาพร่างกายคนรัก แต่เขาไม่ไหวแล้วจริงๆ

เมาได้ไงวะ แม่ง”

พูดเสียงเหนื่อยหน่ายพร้อมกับถอนหายใจ เขารู้สึกเพลียมากจนไม่อยากทำอะไรแล้ว แต่ไม่สามารถปล่อยให้มินโฮนอนเป็นซากศพแบบนี้ได้เช่นกัน ดังนั้นจึงต้องรวบรวมกำลังเฮือกสุดท้ายที่เหลืออยู่จัดการทำให้คนรักนอนหลับสบายตั้งแต่ถอดทุงเท้า เช็ดตัว เปลี่ยนเสื้อผ้า และนำผ้ามาห่มให้อย่างดี

หลังจากทำทุกอย่างเรียบร้อยก็ทรุดตัวลงนั่งบนพื้นข้างโซฟาตัวโปรด ดวงตาเรียวที่ดูอ่อนล้ามองใบหน้าคมเข้มของคนรักนิ่ง เอื้อมมือไปสัมผัสแผ่วเบาข้างแก้ม ริมฝีปากบางยกยิ้ม นึกไปถึงวันนั้นที่คุยกับจีวอนที่ริมแม่น้ำ เขาแวะซื้อคุกกี้อย่างที่บอกกับจีวอน

และคุกกี้เลือกซงมินโฮ

กูรักมึงนะ”

กระซิบแผ่วเบาก่อนจะกดจูบลงที่หน้าผากของคนหลับ อยู่ๆ ก็รู้สึกอยากจะร้องไห้ขึ้นมาเสียดื้อๆ เขาต้องรออีกนานแค่ไหนนะถึงจะได้ยินคำว่ารักจากปากของมินโฮบ้าง พูดให้ฟังหน่อยไม่ได้หรืออย่างไร มันพูดยากขนาดนั้นเลยเหรอ หรือว่าเพราะไม่รักเขาจึงไม่พูดมันออกมา

อย่าคิดมากสิ

แทฮยอนสลัดความคิดแย่ๆ ออกจากหัว ในเมื่อคุกกี้เลือกมินโฮแล้วก็ไม่ควรคิดถึงเรื่องที่มันบั่นทอนจิตใจ แค่เขามีมินโฮอยู่ก็เพียงพอแล้ว ยังจะต้องการอะไรอีก ถึงแม้จะเสียใจไปบ้างแต่มีความสุข ไม่ใช่เหรอ?

โอ๊ะ”

แทฮยอนร้องเสียงหลงเมื่อคนบนโซฟาตกลงมาทับ เขานิ่วหน้าเพราะรู้สึกเจ็บนิดหน่อย พยายามดันมินโฮออกแต่ไม่เป็นผล เพราะอ่อนแรงจากอาการป่วย สุดท้ายจึงปล่อยให้มินโฮนอนกอดตัวเองอยู่แบบนั้น ถึงจะอึดอัดเพราะมินโฮกอดเขาแน่นไปหน่อย

แต่อุ่นดี

แม้จะอุ่นกายแต่หนาวใจ



----- F O O L -----



แทฮยอนรีบเก็บของทันทีที่อาจารย์ปล่อย เขาไม่สามารถควบคุมสีหน้าได้จึงปล่อยให้ริมฝีปากฉีกยิ้มกว้างจนปากแทบจะฉีกถึงหู วันนี้มีนัดกับมินโฮ เป็นนัดที่อีกฝ่ายเอ่ยปากตอนที่นอนเล่นกีตาร์อยู่บนเตียง แทฮยอนแทบจะไม่เชื่อหูตัวเองว่าจะได้ยินมินโฮชวนไปกินเนื้อย่าง ไม่รู้อะไรเข้าสิง แต่ภาวนาขอให้สิงมินโฮไปนานๆ เลยได้ไหม

พอกลับมาถึงห้องก็จัดการเก็บกวาดห้องรอมินโฮกลับมา หลังจากเหตุการณ์วันนั้นทำให้แทฮยอนระวังตัวทุกย่างก้าวเพราะไม่อยากให้เกิดอุบัติเหตุแบบนั้นอีก เขาผิวปากอย่างอารมณ์ดีจนกระทั่งทำทุกอย่างเรียบร้อย แทฮยอนมองนาฬิกา มินโฮเลิกเรียนแล้วใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่คงจะถึงหอ

เสียงเข็มนาฬิาเดินเป็นเสียงเดียวที่ดังภายในห้อง แทฮยอนนั่งกอดเข่ามองนาฬิกาบอกเวลาสองทุ่ม มินโฮไม่ใช่เต่าที่จะใช้เวลาเดินทางจากมหาวิทยาลัยมาที่คอนโดฯถึง 4 ชม.กับแค่ระยะทาง 2 กม. ที่สำคัญติดต่อไม่ได้

ถูกทิ้งอีกแล้ว

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มินโฮผิดนัด ทั้งที่แทฮยอนควรจะชิน แต่เปล่าเลย เขาไม่ชินกับมันเลยสักนิด หากไม่ว่างควรจะบอกให้เขารู้จะได้ไม่ต้องรอ แต่นี่ไม่มีการติดต่อมาเลย มันเสียเวลามากเลยเหรอแค่จะโทรหรือส่งข้อความให้เขารับรู้

เหอะ

เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยจนแทฮยอนชักสงสัยว่ามินโฮแค่ลืมหรือไม่เคยจำ แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็หมายความว่าแทฮยอนไม่สำคัญทั้งนั้น วันครบรอบ วันเกิด ไม่เคยจำแทฮยอนไม่เคยว่า ไม่น้อยใจเพราะรู้ว่ามินโฮไม่ใส่ใจเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ แทฮยอนเข้าใจ เข้าใจดีเลยแหละ แต่ผิดนัดบ่อยแบบนี้ มันไม่มากเกินไปหน่อยหรือไง

ประตูห้องถูกเปิดในเวลาเที่ยงคืนกว่า แทฮยอนยังคงนั่งกอดเข่ามองนาฬิกาอยู่ที่เดิม เขาไม่ได้หันไปมองมินโฮที่เดินเข้าห้องมาด้วยท่าทางปกติ 

ทุกอย่างปกติยกเว้นแทฮยอน ไม่มีการทักทายอย่างเช่นทุกวัน ไม่มีรอยยิ้มมอบให้เหมือนอย่างเคย ไม่มีอะไรที่ปกติมินโฮจะได้รับเพราะแทฮยอนรู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน

ไม่นอน?”

เมื่อทุกอย่างแตกต่างไป สิ่งใหม่จึงเกิดขึ้น มินโฮเอ่ยถามคนอายุน้อยกว่าที่เอาแต่นั่งนิ่งมองนาฬิกาด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขาเลิกคิ้วมองเมื่อไม่ได้รับคำตอบ แต่ยังใจเย็นรอ รอจนคิดว่ามันนานเกินไปจึงเอ่ยเรียก

กูถาม”

ทำไมเพิ่งกลับ”

แต่แทฮยอนยังคงเป็นแทฮยอน เป็นแทฮยอนที่กลัวน้ำเสียงดุดันของซงมินโฮ สุดท้ายแล้วคนที่แพ้ก็คือแทฮยอนคนเดิม คนโง่เขลาที่รักมินโฮจนหมดหัวใจ ดวงตาเรียวเลื่อนไปสบกับดวงตาคม ไม่มีความรู้สึกผิดใดๆ ไม่มีอะไรเลยในดวงตาคู่นั้น ยิ่งมองลึกยิ่งรู้สึกเจ็บเพราะมันตอกย้ำว่าแทฮยอนไม่สำคัญจริงๆ

ทำงาน”

เหรอ”

เป็นไร”

เปล่า”

มึงอย่างี่เง่า”

แทฮยอนแค่นหัวเราะเมื่อได้ยินประโยคนั้น เขามองมินโฮด้วยสายตาไม่พอใจก่อนจะหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน ไม่อยากสนใจ ไม่อยากเจ็บปวด ไม่อยากรู้สึกแย่ๆ หากยังต่อปากต่อคำกับมินโฮก็มีแต่เขาที่เสียใจ

ช่างแม่ง!

เป็นเหี้ยไร”

แทฮยอนสะดุ้งเพราะหนังสือในมือถูกปัดทิ้ง เขาเงยหน้าขึ้นมองคนยืนค้ำหัวที่มองมาด้วยสีหน้าหงุดหงิด เห็นแล้วหงุดหงิดตาม มินโฮเป็นบ้าอะไร เขาบอกว่าเปล่าก็ควรช่างแม่งดิ ทำเหมือนที่ผ่านมามันไม่ได้ยากเลย แค่ไม่ต้องสนใจ ไม่ต้องมากดดันเอาคำตอบ เป็นมินโฮอย่างที่เคยเป็น เป็นคนไร้หัวใจไม่สนใจว่าเขาจะรู้สึกอย่างไรเหมือนที่ผ่านมาได้หรือเปล่า เขาชินกับมินโฮแบบนั้นแล้ว

ไม่ต้องมาใส่ใจกันหรอก

หัวใจของเขามันพังจนเกินเยียวยาแล้ว

เปล่า”

แทฮยอนเหนื่อยและเบื่อเต็มทน

เงยหน้า”

“...”

กูบอกให้เงยหน้า”

น้ำเสียงดุทำให้แทฮยอนหวั่นเกรง เขายอมเงยหน้าขึ้นสบกับดวงตาหงุดหงิดของคนรักที่ยืนกอดอกมองมาด้วยใบหน้าไม่พอใจ มินโฮยืนเงียบเพื่อให้เขาพูดอะไรก็ตามที่เป็นสาเหตุทำให้เขาทำตัวแบบนี้ แต่ท่าทางของมินโฮมันทำให้แทฮยอนรู้สึกกลัวจนต้องเม้มปากแน่นไม่กล้าพูดออกไป ถึงแม้มินโฮจะเปิดโอกาสให้เขาได้อธิบายก็ตาม

เป็นอะไร”

แต่ดูเหมือนครั้งนี้มินโฮจะความอดทนน้อยกว่าถึงได้ถามย้ำอีกครั้งด้วยท่าทีที่อ่อนลง แทฮยอนลอบถอนหายใจ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่กล้าพูดความในใจออกไป ความจริงเขาเองก็มีส่วนผิดที่ทำให้ความสัมพันธ์เดินทางมาจนถึงจุดนี้ เขาไม่เคยเรียกร้องเพราะรู้ว่ามินโฮขี้รำคาญ

เพราะเขาไม่เคยพูดใช่ไหมมินโฮถึงไม่เคยรับรู้ถึงความรู้สึกของเขาเลย แล้วทำไมเขาถึงรับรู้ความรู้สึกของมินโฮทุกอย่างทั้งที่มินโฮไม่เคยพูดอะไรกับเขาเลยเช่นกันล่ะ

โคตรไม่ยุติธรรม

ไม่มีอะไร”

แน่ใจ”

อื้อ”

แทฮยอนพยายามทำให้น้ำเสียงดูสดใสพร้อมกับฝืนยิ้มเพื่อให้คนรักเชื่อ และมินโฮยังคงเป็นมินโฮอย่างเสมอต้นเสมอปลาย เป็นมินโฮที่มองทุกอย่างแค่ผิวเผิน เป็นมินโฮที่ไม่สังเกตอะไรเลย เป็นมินโฮที่ไม่ละเอียดอ่อนต่อทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้

โดยเฉพาะกับหัวใจของนัมแทฮยอน



----- F O O L -----



พี่จินอูหวัดดีพี่”

กว่าจะโผล่หัวมาได้นะมึง”

ปีสี่แล้วงานยุ่ง”

เออ แล้วไอ้มินโฮเป็นไงบ้าง”

หัวหมุนกับงานสุดๆ”

ไอ้นี่ไม่เคยเปลี่ยน ตั้งแต่เรียนจนทำงานก็ยังหัวหมุนไม่เลิก”

แทฮยอนยิ้ม นึกไปถึงคนที่ห้องที่จมอยู่กับงานมาตลอดทั้งอาทิตย์ เพราะบริษัทเร่งงาน มินโฮจึงแทบไม่ได้นอน แทฮยอนเห็นแบบนั้นอดเป็นห่วงไม่ได้ แต่ก็เหมือนเดิม เขาไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายโลกส่วนนั้นของมินโฮได้

เอาเหมือนเดิมนะ”

ไอ้มินโฮช่ะ”

อื้อ พี่มันต้องทำงานให้เสร็จวันนี้อ่ะ”

สภาพแย่น่าดู”

สุดๆ”

รอแปบ”



สภาพห้องที่เต็มไปด้วยกองกระดาษ ข้าวของถูกทำลายจนเละไม่เหลือเค้าเดิมทำให้แทฮยอนตกใจ เขารีบมองหามินโฮทันทีด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นเจ้าตัวยืนสูบบุหรี่อยู่ตรงระเบียงก็โล่งใจ แทฮยอนถอนหายใจ เอาของที่ซื้อมาไปวางบนโต๊ะ ยืนชั่งใจอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจไปหามินโฮทั้งที่รู้ว่าในเวลาแบบนี้เขาไม่ควรเข้าไปยุ่ง

แต่เป็นห่วง

กลับมาแล้ว”

เปิดประตูระเบียงเบาๆ ยื่นหน้าออกไปบอกให้คนผิวเข้มรับรู้ ริมฝีปากบางเม้มแน่นเมื่อถูกปรายตามองอย่างไม่พอใจ เห็นแบบนั้นความตั้งใจอยากจะช่วยให้คนรักรู้สึกดีจึงถูกพับเก็บเอาไว้ แทฮยอนยอมถอยกลับเข้าห้อง มือเรียวกำเข้าหากันแน่น สูดลมหายใจลึกก่อนจะจัดการเก็บห้องที่เละเทะด้วยหัวใจที่ปวดร้าว

เป็นอีกครั้งที่เขารู้สึกแบบนี้

เขามันแย่ ไม่ได้เรื่อง

ช่วยอะไรมินโฮไม่ได้สักอย่าง

ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจกลั่นออกมาเป็นน้ำใสเอ่อคลอเบ้า แต่เจ้าตัวพยายามเงยหน้าขึ้นไม่ยอมให้มันไหลออกมา นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แทฮยอนรู้สึกว่าตัวเองไร้ประโยชน์

ไม่เป็นไรนะ”

กูอยู่ตรงนี้นะ”

ประโยคแค่นี้เขายังพูดมันออกไปได้เลย เพราะมินโฮไม่เคยเปิดโอกาสให้เขาได้เข้าไปเยียวยาจิตใจ ไม่ว่าจะรู้สึกแย่มากแค่ไหน แทฮยอนทำได้เพียงแค่เป็นห่วงและอยู่เฉยๆ เท่านั้น ทั้งที่ความจริงแล้วอยากทำอะไรก็ตามให้มินโฮรู้ว่ายังมีเขาอยู่ตรงนี้ มินโฮไม่ได้เผชิญกับเรื่องแย่ๆ เพียงลำพัง จับมือเขาสิ เขาพร้อมที่จะให้กำลังใจ แต่มินโฮไม่เคยต้องการเลย

จนแทฮยอนเริ่มไม่แน่ใจว่า

ไม่ต้องการความห่วงใย หรือไม่ต้องการเขา

ทำอะไรของมึง”

แทฮยอนสะดุ้ง หันไปมองมินโฮที่มีใบหน้าเคร่งเครียดจนน่ากลัว เขาวางกระดาษวาดรูปที่ถูกฉีกลงก่อนจะลุกขึ้นเผชิญหน้ากับคนรักที่ทั้งเป็นห่วงและน้อยใจในเวลาเดียวกัน

จะเก็บห้อง”

ไม่ต้องยุ่ง”

ประโยคนั้นทำแทฮยอนใจเสียอีกแล้ว การที่เป็นห่วงและอยากช่วงแบ่งเบาภาระนี่หมายถึงเขาเข้าไปยุ่งวุ่นวายอย่างนั้นเหรอ แค่คิดก็รู้สึกเจ็บไปทั้งหัวใจ และแทฮยอนยังคงเป็นแทฮยอนคนเดิม คนที่ยอมมินโฮเสมอมาแม้หัวใจจะปวดร้าวมากแค่ไหน เขาเดินเข้าห้องนอน ล้มตัวลงบนเตียงพร้อมกับปล่อยน้ำตาให้มันไหลออกมาเงียบๆ

ร้องไห้อีกแล้วนะแทฮยอน



เสียงโครมครามที่ดังออกมาจากห้องทำให้แทฮยอนรีบเปิดประตูเข้าไป สภาพห้องที่ถูกเจ้าของห้องทำลายสร้างความตกใจให้เป็นอย่างมาก แทฮยอนยืนตัวแข็งมองมินโฮที่ทำลายข้าวของในห้องอย่างเกรี้ยวกราด เขารีบเดินเข้าไปหาคนรักก่อนจะกอดคนที่กำลังขาดสติไว้จากด้านหลัง แต่แทนที่มินโฮจะหยุดกลับออกแรงผลักเขาออกจนล้มลงกับพื้น

เหี้ยเอ๊ย!!!”

แทฮยอนนั่งมองคนรักที่กลายเป็นคนบ้าด้วยหัวใจเจ็บปวด เมื่อก่อนเวลาเขากลับห้องมาแล้วเจอสภาพเละเทะไม่เคยจินตนาการว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่วันนี้เขาได้เห็นมันกับตา ทุกครั้งที่เครียดกับงานจนถึงขีดสุด มินโฮจะทำลายข้าวของทุกอย่างเพื่อระบายความรู้สึก

มันเป็นแบบนี้นี่เอง

น่ากลัว

มึง พอแล้ว”

แม่งเอ๊ย!”

พี่มินโฮ”

แทฮยอนถลาเข้าไปกอดคนรักที่กำลังฟาดกระดานวาดรูปกับพื้นอย่างไม่ลืมหูลมตา ทุกอย่างหยุดนิ่ง มีเพียงเสียงร้องไห้ของแทฮยอนที่ดังให้ได้ยิน คนเด็กกว่ากอดคนโตกว่าแน่น เจ็บไปทั้งหัวใจ พอแล้วได้ไหม ไม่ให้เขาเข้ามายุ่งกับเรื่องส่วนตัวก็ช่วยหยุดทำร้ายตัวเองได้ไหม หัวใจของเขาจะรับไม่ไหวแล้วนะ

พอแล้ว พอ ฮืออออ”

แทฮยอนทรุดตัวลงกับพื้นเมื่อถูกมินโฮแกะมือออกและเดินหนีเข้าห้องนอน เขานั่งร้องไห้แทบขาดใจอยู่กับผลงานที่มินโฮทำลายทุกอย่างด้วยน้ำมือเจ้าตัว 

แทฮยอนรู้สึกว่าตัวเองไม่ต่างจากสิ่งเหล่านี้เลย เป็นศิลปะที่มินโฮรักแต่หากไม่ได้ดั่งใจก็ทำลายมันด้วยอารมณ์ มีตัวตนแค่ตอนที่เจ้าของพึงพอใจกับผลงานเท่านั้น

ร้องไห้หนักเกินไปแล้วนะ

ถึงเวลาเลือกทิ้งแล้ว “ช่างแม่ง” หรือยัง



ไม่เป็นไรนะมึง กูอยู่ตรงนี้”

แทฮยอนมองจินอูที่พูดเสียงสั่นเพราะรู้สึกเสียใจหลังจากที่เขาระบายความอัดอั้นทุกอย่างตลอดเวลาสามปีให้ฟัง มือเล็กคู่นั้นเอื้อมมาเช็ดน้ำตาให้เขาพร้อมกับดึงเขาเข้าไปกอด ไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานแค่ไหนจินอูก็ยังเป็นพี่ชายที่แสนดีเสมอ

ไม่ไหวก็พอเถอะมึง”

ฮึก”

ไม่ตายหรอก”

แต่ผมรักมัน”

“...”

รักมันมากนะพี่ รักจนไม่ไหวแล้ว”

“...”

มันรักผมบ้างมั๊ยอ่ะ รักผมบ้างหรือเปล่า ไม่รู้เลยพี่”

แทฮยอนร้องไห้อย่างหนัก ไม่ได้รู้สึกอาย ตรงกันข้ามเขารู้สึกสบายใจที่อย่างน้อยก็มีคนรับรู้ความรู้สึกของเขาบ้าง เขาพูดทุกอย่างกับมินโฮไม่ได้ ทั้งที่เป็นคนรักกัน ทั้งที่คบกันมาตั้งนาน แต่ทำไมถึงยังรู้สึกเหมือนเป็นคนแปลกหน้ากันอยู่เลย 

มีเขาคนเดียวหรือเปล่าที่รัก อาจจะใช่ เพราะเขาชอบก่อน ขอคบก่อนและบอกรักก่อน แต่เขาไม่เคยได้ยินมันจากมินโฮเลยสักครั้ง

กูไม่ได้เข้าข้างมันนะ”

“...”

มันรักมึงแหละ ไม่อย่างนั้นไม่อยู่กับมึงมาจนถึงวันนี้หรอก

ฮึก”

แต่ไอ้มินโฮอ่ะ มันก็เป็นแบบนี้แหละ”

พี่…”

มันเป็นน้องที่ดี เป็นเพื่อนที่ดี เป็นพี่ที่ดี แต่ในฐานะผู้ชายมันไม่ค่อยโอเท่าไหร่ มึงเข้าใจที่กูพูดแล้วใช่ไหม”

พี่...แม่ง ฮืออออ”

แทฮยอนเข้าใจแล้ว

เข้าใจทุกอย่างเป็นอย่างดีแล้ว



----- F O O L -----



...พฤษภาคม 2018...

มินโฮ”

“…”

มึงหยุดวาดรูปก่อน กูซื้อข้าวมาให้”

ไม่หิว”

คำตอบแบบเดิมของเพื่อนสนิทผิวเข้มทำอีซึงฮุนอดเป็นห่วงไม่ได้ สภาพของเพื่อนตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากซอมบี้ในหนังที่เคยดูเลยสักนิด ไม่ยอมกินข้าวกินปลา ดื่มแต่กาแฟ และเอาแต่สูบบุหรี่นั่งวาดรูปที่เจ้าตัวฉีกผลงานตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพราะไม่พอใจกับผลลัพธ์ที่ออกมา ขนาดเจ้าตัวยังแทบดูไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงสภาพห้องที่เต็มไปด้วยกระป๋องกาแฟสำเร็จรูปและซากกระดาษที่ถูกทำลายด้วยน้ำมือเจ้าของ

ซงมินโฮกำลังเสียสูญ

“...มึง”

มึงกลับไปก่อน กูไม่มีสมาธิ”

มินโฮพูดเสียงเรียบนิ่งพร้อมกับดึงกระดาษวาดรูปแล้วขยำก่อนจะโยนลงพื้นอย่างไม่ใยดี ซึงฮุนเป็นห่วง แต่จะให้เข้าไปวุ่นวายในตอนนี้ก็ทำไม่ได้เช่นกัน เขารู้จักเพื่อนตัวเองดี แค่ยอมตอบเขาขณะทำงานอยู่ก็ถือว่าแปลกมากแล้ว คงต้องรอให้ใจเย็นกว่านี้ก่อนแล้วค่อยมาช่วยดึงสติให้กลับไปใช้ชีวิตในแบบปกติอีกครั้ง

แบบปกติที่ไม่มี...นัมแทฮยอน

ภายในห้องตกอยู่ในความเงียบเมื่อเหลือเพียงเจ้าของห้องเพียงลำพัง ซงมินโฮยังคงตั้งใจวาดภาพเหมือนสามวันที่ผ่านมา เป็นสามวันที่เขายังไม่ได้นอน เพราะต้องการสร้างสรรค์ผลงานชิ้นใหม่ให้สำเร็จ แต่กลับไม่สามารถวาดมันออกมาได้ดั่งใจ ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน จดจ่ออยู่กับมันเท่าไหร่ ภาพที่ได้กลับไม่ถูกใจ แต่เขาไม่คิดยอมแพ้ ดันทุรังที่จะวาดมันออกมาให้ได้อย่างเคย

นัม…”

อีกครั้งที่เขาต้องกลืนคำพูดลงคอ ไม่รู้ว่านี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่เขาเอ่ยชื่ออดีตคนรักออกมาในเวลาที่ต้องการความช่วยเหลือ แต่เพียงแค่เอ่ยปาก สมองที่ปกติไม่เคยจดจำอะไรได้ดีก็นึกขึ้นได้ว่านัมแทฮยอนไม่ได้อยู่ที่นี่กับเขาแล้ว แทฮยอนย้ายออกจากห้องนี้ไปตั้งแต่บอกเลิกกันวันนั้น และไม่มีการติดต่อใดๆ กลับมา มินโฮเองก็ไม่ได้รั้งหรือพยายามที่จะติดต่ออีกคนกลับไปเช่นกัน

ไม่มีเหตุผล

เขาคิดเช่นนั้น

ในเมื่อเจ้าตัวเลือกที่จะไปก็คงต้องปล่อยให้ไป ไปในที่ที่ต้องการ ไปในที่ที่ทำให้มีความสุขและสบายใจมากกว่าที่นี่ ที่ที่มีเขาคนนี้อยู่ ที่ที่มีผู้ชายที่ไม่รู้ว่าตนทำอะไรผิดคนรักถึงได้โหยหาความรักจากคนอื่น

มินโฮไม่รู้

ไม่รู้อะไรเลยจริงๆ

เขามั่นใจว่าไม่เคยเปลี่ยนไปจากวันแรกที่ได้รู้จักแทฮยอน เขาซื่อสัตย์ต่อคนรักเสมอ แล้วอะไรทำให้คนที่พร่ำบอกรักเขาทุกวันไปมีใครอีกคน และเลือกคนคนนั้นแทนที่จะเป็นเขาคนนี้

มือหนาชะงักเมื่อไส้ดินสอหัก ดวงตาเรียบเฉยจ้องมองจุดดำบนกระดาษขาวนิ่ง บางทีเขาควรนอนเพื่อให้สมองได้พักบ้าง เมื่อคิดได้อย่างนั้นจึงวางดินสอ ลุกเดินเข้าห้องนอน ล้มตัวลงนอนคว่ำบนเตียงกว้างที่วันนี้รู้สึกกว้างกว่าทุกวัน ตาคมค่อยๆปิดลงอย่างช้าๆ

แต่ยังไม่ทันจะปิดสนิท ภาพรอยยิ้มแสนหวานของแทฮยอนปรากฏอยู่ตรงหน้า คนตัวขาวกำลังนอนคว่ำหันหน้ามาทางเขา ส่งยิ้มหวานที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย เอื้อมมือนุ่มมาสัมผัสจมูก ไล้เบาๆ ให้รู้สึกใจหวิวกับสัมผัสแผ่วเบา ริมฝีปากบางขยับพูดอะไรบางอย่างพร้อมกับเสียงหัวเราะสดใส

มินโฮยิ้มมุมปากมองภาพนั้นด้วยหัวใจสั่นไหว เขาเลิกคิ้วมองคนตรงหน้าที่ถามอะไรบางอย่าง แต่เขากลับเงียบไม่ยอมตอบคำถามจนเจ้าตัวทำหน้าบึ้ง ออกแรงบีบจมูกเขาจนรู้สึกเจ็บและหายใจไม่ออก แต่ไม่นานเจ้าตัวก็ปล่อยและเปลี่ยนสีหน้ากลับมายิ้มแย้มเช่นเคย

มินโฮนอนมองแทฮยอนพูดไม่หยุด เขานึกเอ็นดูคนที่ภายนอกดูเย่อหยิ่งแต่พออยู่กับเขาแล้วกลายเป็นเด็กน้อยไม่รู้จักโต เขาค่อยๆ เอื้อมมือออกไปหวังสัมผัสกับใบหน้าเนียนใส

แต่ทุกอย่างกลับหายไป

มือหนาค้างอยู่กลางอากาศเมื่อคนที่อยากสัมผัสไม่มีอยู่จริง หัวใจที่เคยสงบนิ่งสั่นไหวจนรู้สึกหวิวประหลาด เขาลดมือลงแนบลำตัว มองความว่างเปล่าตรงหน้าอย่างเหม่อลอย

ไม่ปฏิเสธหรอกว่าคิดถึง

แต่มันไม่ได้แย่ขนาดนั้น ความคิดถึงไม่สามารถฆ่าใครตายได้ และเขายังไม่ตาย ยังคงมีลมหายใจ ยังมีชีวิตอยู่ มันไม่ได้แย่ขนาดนั้น ทุกอย่างปกติดี

ใช่ ปกติทุกอย่าง

เขาแค่ต้องพักผ่อน เมื่อตื่นขึ้นมาทุกอย่างมันจะเหมือนเดิม

ตลกสิ้นดี

ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม

เหมือนกับวันแรกที่แทฮยอนจากเขาไป

โกหกทั้งเพ

มินโฮแค่นยิ้ม มองเพดานด้วยความรู้สึกที่ยากจะยอมรับว่าตอนนี้ตัวเองรู้สึกพ่ายแพ้ต่อการไม่มีนัมแทฮยอนในชีวิต เขาไม่เข้าใจ ก่อนไม่มียังมีชีวิตอยู่ได้สบาย แต่ทำไมพอมีแทฮยอนเข้ามา และวันหนึ่งได้เดินจากไปมันถึงได้รู้สึกทรมานจนไม่อยากหายใจขนาดนี้

ไม่

เขาไม่ใช่ไอ้ขี้แพ้

แค่ลุกขึ้นและใช้ชีวิตต่อไป

มันจะไปยากอะไร

เมื่อคิดได้แบบนั้น ร่างที่ไม่ได้รับการดูแลมาหลายวันก็ลุกขึ้นนั่ง ดวงตาคมกวาดมองรอบห้องแสนเงียบก่อนจะถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกเหนื่อยใจ สภาพห้องตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากกองขยะเลยสักนิด เพราะฉะนั้นสิ่งแรกที่เขาจะต้องทำคือเก็บกวาดห้องให้กลับสู่สภาพเดิม

ที่ไม่เหมือนเดิม

ร่างสูงนั่งนิ่งอยู่กลางห้องหลังจากทำความสะอาดเรียบร้อยด้วยความรู้สึกว่างเปล่า ทั้งที่เก็บกวาดทุกอย่างที่รกหูรกตาจนหมดแล้ว ทั้งที่ห้องกลับมาเป็นระเบียบเรียบร้อยเหมือนเดิมแล้ว ทั้งที่เหลือเพียงตัวเขาคนเดียวก่อนจะมีนัมแทฮยอนเข้ามาในชีวิตเหมือนเดิมแล้ว

แต่ทำไมถึงรู้สึกไม่เหมือนเดิม

เสียงกดกริ่งหน้าห้องเรียกสติที่กำลังจมดิ่งสู่ความอ้างว้าง ดวงตาคมเหลือบมองประตูห้องที่คงจะเป็นเพื่อนสนิทคนเดิมที่แวะมาหาทุกครั้งที่ว่าง เขาไม่กล้าหวังว่าจะเป็นนัมแทฮยอนหรอก ผู้ชายคนนั้นน่ะ หากได้ตัดสินใจอะไรไปแล้วไม่มีวันเปลี่ยนใจเด็ดขาด

เขารู้ดี

ทั้งที่รู้ดีแท้ๆ

นั่งทำไรวะ”

ซึงฮุนถามเมื่อเดินเข้ามาแล้วเห็นเพื่อนผิวเข้มนั่งนิ่งไม่ขยับ ท่าทางเหม่อลอยไม่ได้ต่างจากที่ผ่านมา จะบอกว่าเขาชินก็ไม่เชิง แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรกับมันเหมือนกัน คนอย่างซงมินโฮ หากไม่ลุกขึ้นด้วยตัวเองต่อให้เอาช้างมาฉุดก็ไร้ประโยชน์

กินข้าวยัง”

“...”

ท่าจะยัง”

เมื่อไม่เห็นเพื่อนตอบจึงคิดเอาเองว่าคงยังไม่กิน ความจริงดูจากสภาพก็พอจะเดาได้ไม่ยาก ซึงฮุนเดินไปที่ห้องครัวที่ได้รับการทำความสะอาดอย่างดีเหมือนกับห้องนั่งเล่นที่เขาเห็นเมื่อสักครู่ ดูเหมือนจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น แต่ไม่ได้รู้สึกชื่นใจหรอก เพราะสภาพมินโฮดูเหมือนจะแย่ลงกว่าเดิม

ซึงฮุนเดินมาที่ห้องนั่งเล่น มินโฮที่ก่อนหน้านั่งนิ่งอยู่กลางห้องเปลี่ยนไปนั่งวาดรูปซึ่งเป็นภาพที่เห็นบ่อยจนชิน คงไม่มีประโยชน์หากจะบังคับคนที่เอาแต่ใจตัวเองให้กินข้าว ต้องปล่อยให้หิวจนทนไม่ไหวนั่นแหละถึงจะคิดได้ว่าต้องกินเพื่อมีชีวิตอยู่ต่อไป เขารู้ มินโฮน่ะไม่ปล่อยให้ตัวเองตายหรอก

ความเงียบทำให้ซึงฮุนคิดถึงเรื่อวราวมากมายที่เกิดขึ้น ตั้งแต่เขารู้จักกับมันมา มันเป็นเพื่อนที่ดีมากๆ ถึงภายนอกจะดูไม่สนใจอะไร แต่เขารู้ว่ามันใส่ใจ ใส่ใจในแบบของมันนั่นแหละ ถึงจะดูไม่มีอะไรแต่มันได้พยายามเท่าที่คนอย่างมันจะทำได้แล้ว อยู่ที่ว่าคนที่ได้รับจะพอใจไหมแค่นั้น

ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีใครพอใจ

ทุกครั้งที่มีแฟนมินโฮมักเป็นฝ่ายถูกบอกเลิกเสมอ และดูเหมือนมันจะไม่เข้าใจด้วยว่าทำไม เพราะอะไร เขาไม่รู้หรอกว่าขณะอยู่กับคนรักมินโฮเป็นอย่างไร เห็นมันนิ่งๆ แต่มันค่อนข้างเป็นคนอารมณ์ร้อน และเป็นคนหวงพื้นที่ส่วนตัว มันไม่ชอบให้ใครมายุ่งวุ่นวายกับความเป็นมัน

ไม่ได้มองว่ามันถูกหรอก เพราะคนเราหากคบกันต้องมีปรับเปลี่ยนกันบ้าง มินโฮอาจจะทำแล้วในแบบของมันหรืออาจจะไม่ได้ทำอะไรเลย เขาไม่รู้ แต่คนที่คบกับมันต้องรับรู้ในด้านนี้ของมัน หากรับรู้แล้วก็อยู่ที่ว่าจะเดินหน้าหรือหยุด

ซึ่งแน่นอนทุกคนเลือกที่จะหยุด

มินโฮมันไม่เคยหวังให้ใครมาเข้าใจในตัวมัน เพราะฉะนั้นทุกครั้งที่เลิกกันมันจึงไม่เคยรั้งใครไว้ ที่ผ่านมามันดูปกติแบบปกติจริงๆ มีครั้งนี้แหละที่เขาเห็นว่ามันผิดปกติ ผิดไปมาก มากจนเขาคิดว่าแทฮยอนคงพิเศษและสำคัญกับมันจริงๆ เขาเองก็พอจะรู้ เพราะอยู่กับมันตลอดจึงรู้สึกว่ามันเปลี่ยนไปแม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตาม

แต่แน่นอนว่าแทฮยอนไม่รู้

ไม่คิดจะทำอะไรหน่อยเหรอ”

“...”

หมายถึง กลับไปขอคืนดี หรือปรับปรุงอะไรก็ตามที่ทำให้เรื่องทุกอย่างมันเป็นแบบนี้”

“...”

มินโฮ”

มินโฮไม่ตอบ เห็นแบบนั้นซึงฮุนก็จนปัญญา เขามองเพื่อนรักที่นั่งวาดรูปนิ่ง ถึงจะพอเดาออกว่าแทฮยอนคงทนกับนิสัยความเป็นมินโฮไม่ไหว แต่ที่ผ่านมาก็เห็นทนมาได้ แล้วอะไรเป็นจุดแตกหักที่ทำให้แทฮยอนเลือกที่จะเดินจากไปอย่างเด็ดเดี่ยวขนาดนี้

มึง”

“...”

วันนั้นน่ะ”

“...”

มึงพูดอะไรกับน้องไปวะ”

มือที่จับดินสออยู่ชะงัก มินโฮไม่ได้ตอบคำถามของซึงฮุน เขานึกถึงเหตุการณ์ในวันที่แทฮยอนบอกเลิก ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเขาไม่อยากจะเชื่อเท่าไหร่ เพราะที่ผ่านมาแทฮยอนก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่ารักเขามากแค่ไหน ไม่ว่าเขาจะเป็นซงมินโฮอย่างไร แทฮยอนก็เลือกที่จะมีเขาอยู่ในชีวิตมาโดยตลอด

เขาไม่เคยนอกใจ ไม่เคยมองใครคนอื่น ซื่อสัตย์ต่อแทฮยอนทั้งความคิดและการกระทำ เพราะมั่นใจจึงไม่รู้ว่าเหตุใดแทฮยอนถึงได้นอกใจเขา มันดูไม่สมเหตุสมผล แต่มันเกิดขึ้นแล้ว และวันนี้ความจริงที่ต้องเผชิญมันสร้างความเจ็บปวดให้กับเขาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

มินโฮรู้สึกโกรธที่แทฮยอนใช้คำถามเรื่องวันเกิดมาตัดสินความสัมพันธ์ ทั้งที่เขาไม่เคยเห็นเจ้าตัวเรียกร้องความสำคัญของวันนี้ตั้งแต่รู้จักกันมา

มินโฮไม่สนใจจริง

แต่ถ้าแทฮยอนไม่พอใจทำไมถึงไม่บอกกัน

มีอะไรทำไมถึงไม่พูด เขาไม่ใช่คนประเภทที่จะคิดแทนคนอื่น หากพูดออกมาเขาพร้อมที่จะปรับปรุงทุกอย่างเท่าที่จะสามารถทำได้ แต่แทฮยอนไม่เคยพูดอะไรเลย มีบางครั้งที่เขากดดันให้พูด แต่ในเมื่อเจ้าตัวบอกไม่มีอะไร เขาก็เชื่อ

มันก็แค่นี้

มินโฮไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่ผ่านมาตัวเองทำอะไรผิด ทุกครั้งที่รู้สึกได้ว่าแทฮยอนเปลี่ยนไปเขาได้พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้อีกคนรู้สึกดีขึ้นแล้วทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอาการแปลกๆ ของแทฮยอนเกิดจากเขาทำอะไรผิด แต่ความผิดเดียวที่เขาจำมันได้ดีในเวลานี้คือสิ่งที่เขาพลั้งปากพูดจาร้ายกาจไปกับแทฮยอนในวันนั้น

ดินสอที่เปรียบเสมือนส่วนหนึ่งของร่างกายหล่นลงพื้น ไม่มีการโวยวายทำลายข้าวของ ไม่มีเสียงใด มีเพียงน้ำตารินไหลออกมา มินโฮกำลังเสียใจ แต่เสียใจแค่ไหน ก็ไม่สามารถเรียกร้องอะไรกลับคืนมาได้ ประโยคที่เขาพูดกับแทฮยอนก่อนที่อีกคนจะเดินจากไปดังก้องอยู่ในหัวซ้ำไปซ้ำมาราวกับต้องการจะตอกย้ำ

จะไปตายที่ไหนก็ไป”

เขาเป็นคนโง่ ช่างเป็นคนที่โง่เขลา

ทั้งหมดมันเป็นความผิดของเขาเอง






----------------- [ FOOL ] -------------------


writer : @doraaung



#510330tracks

track, beating and them





Comments

Popular posts from this blog

[ Take me out ] - END

[ Take me out ] - 01

[ Take me out ] - 03