[ Pricked ]





Pricked








ความรักมันเริ่มจากอะไร...ทำไมคนถึงรักกัน

มันเป็นอย่างไรเหรอ...มันจับต้องได้ไหม

...ใครเป็นคนนิยาม

...แล้วมันมีอยู่จริงใช่หรือเปล่า

..


.

ความรักที่ว่าน่ะ...มีอยู่จริงใช่ไหม

..

.









ขอบคุณครับ โอกาสหน้าเชิญใหม่ครับ

ประตูบานใสปิดลงพร้อมกับลูกค้าคนสุดท้ายที่เดินออกจากร้านไป เสียงถอนหายใจเบาก็ตามมาติดๆ จากริมฝีปากบางสีสดพร้อมหลังมือขาวที่ยกขึ้นซับเหงื่อตามไรผม เมื่อแสงสว่างจากพระอาทิตย์ดวงโตใกล้ลาลับขอบฟ้าไป...เหลือไว้เพียงแค่แสงสังเคราะห์ที่ใช้ทดแทนความสว่างจากธรรมชาติท่ามกลางความมืดมิดที่เตรียมเข้ามาเยือนอีกหนึ่งวัน 

ป้ายไม้แผ่นบางถูกพลิกเปลี่ยนข้อความให้อีกด้านหันออกแนบกับบานประตูกระจกหน้าร้านเมื่อหมดเวลาต้อนรับลูกค้า เจ้าของผิวขาวสว่างในผ้ากันเปื้อนผืนยาวสีเขียวพาสเทลยิ่งดูสะอาดตาเมื่อมันสวมทับอยู่บนเสื้อยืดสีอ่อน ขายาวก้าวตรงกลับที่เดิมก่อนจะหยิบขวดน้ำขึ้นมาจิบของเหลวสีใสด้านในดับกระหาย


เหนื่อยไหม

เสียงแหบพร่าดังมาจากช่องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่มีม่านผืนบางเป็นฉากกั้นไว้ระหว่างหน้าร้านและหลังร้าน รอยยิ้มเอ็นดูปรากฏบนใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยตามตัวเลขของอายุที่เกินครึ่งชีวิตมาได้หลายสิบปีแล้ว 

ไม่ครับ สนุกดี

ดีแล้วล่ะ ตาเห็นเรามีความสุข ตาก็ดีใจ

ครับ..ผมมีความสุขดี

เจ้าของอายุวัยเจ็ดสิบเดินเข้ามาหาหลานตัวสูงที่ยืนส่งยิ้มยืนยันในคำพูดของตัวเองมาให้ มือเหี่ยวย่นที่ผ่านการใช้ชีวิตมามากยกขึ้นลูบผมเส้นนุ่มสีน้ำตาลเข้ม รอยยิ้มที่ได้รับกลับมากับแววตาที่ฉายอยู่...มันสวนทางกันโดยสิ้นเชิง



ป่ะ กลับบ้านได้แล้ว เดี๋ยวดึกเกินไป

แล้วดงฮยอน...

ไม่เป็นไร เดี๋ยวน้องมันก็กลับมา ฟ้ามืดแล้วเราจะกลับลำบากเอา

ก็ได้ครับ งั้นผมไปก่อนนะ

ผ้ากันเปื้อนสีอ่อนถูกถอดออกก่อนมันจะถูกนำไปแขวนไว้ที่ประจำเพื่อเตรียมใช้ในวันถัดไป มือขาวหยิบกระเป๋าสะพายข้างใบเล็กกับเสื้อนอกสีเข้มติดมาเตรียมตัวกลับบ้านอย่างที่อีกคนบอก แต่ยังไม่ทันได้ก้าวขาไปไหน เสียงเปิดประตูด้วยความแรงก็เรียกความสนใจจากคนทั้งคู่ภายในร้านให้หันไปมองบุคคลมาใหม่เป็นจุดสนใจเดียว

ขอโทษครับบบบบ

ลมแรงพัดมาหนึ่งวูบพร้อมเสียงที่ดังลากยาวของคนที่ยืนยกมือประกบกันไหว้ที่ตรงกลางหน้าตัวเอง เจ้าของคิ้วตกที่ยืนมองอยู่พาช่วงขายาวของตัวเองเข้าไปใกล้เจ้าของเสียงก่อนจะยกมือขึ้นมาเอานิ้วเรียวของตัวเองจิ้มเข้าไปที่หน้าผากอีกคนพร้อมออกแรงดันจนผู้ถูกกระทำแทบจะหงายไปด้านหลัง

มาช้าจริง ไปเถลไถลที่ไหนมา

โถ่พี่ รถมันติด

ขี่จักรยานน่ะเหรอ รถติด

เงิบไปเลย หาคำแก้ตัวต่อไม่ถูกเลยทำได้แค่ส่งยิ้มแห้งกลับไปให้อย่างสำนึกผิด มือขาวถูกเจ้าของผมสีดำขลับจับแน่นพร้อมแนบแก้มตัวเองลงไปถูไถอย่างออดอ้อน

ขอโทษครับบบบ ผมผิดไปแล้ว

ช่างน้องมันเถอะแทฮยอน นี่มันก็กลับมาก่อนที่เราจะออกไป ดูหน้าสิ เหลือครึ่งนิ้วแล้วนั่น” พูดไปก็ขำกับท่าทางของคนที่ถูกดุ ไม่เกินจริงไปกว่าที่ตาของคนทั้งคู่พูดเลยแม้แต่น้อย...ยังมีหน้าหันมาขอความช่วยเหลืออีก

ทีหลังอย่ากลับช้ากว่าพี่อีก พี่ไม่อยากให้ตาอยู่คนเดียว

เข้าใจแล้วครับ จะไม่มีครั้งหน้าอีก” รับปากไปก็ยกมือขึ้นไหว้เหนือหัวด้วยท่าทางโอเวอร์แอคติ้งจนคนเป็นพี่ต้องเขกกบาลไปหนึ่งทีด้วยความหมั่นไส้ในความทะเล้นของคนตรงหน้า

งั้นผมไปก่อนนะครับ พี่ไปล่ะ

กล่าวลาอีกครั้งก่อนจะเปิดประตูออก ลมแรงพัดเอาความเย็นปะทะผิวกายที่ยังไม่ได้สวมเสื้อคลุมในมือขึ้นมาทับเสื้อยืดตัวบางอีกหนึ่งชั้น ขายาวก้าวตรงไปทางซ้ายของบ้านไม้ที่ถูกจัดชั้นล่างให้เป็นร้านค้าขายของชำทั่วไปในแถบชานเมืองกับกลุ่มชุมชนเล็กๆ แบบนี้ ส่วนชั้นบนและหลังบ้านเป็นพื้นที่ส่วนตัวของคุณตาวัยเจ็ดสิบและน้องชายตัวแสบของนัมแทฮยอน ผู้ชายผิวขาวจัดกับผมเส้นเล็กสีน้ำตาลแสกกลางที่ย้ายกลับมายังบ้านเกิดได้เกือบสองปีแล้ว 

น้ำใจกับรอยยิ้มบางเรียกความเอ็นดูจากคนรอบข้างได้เป็นอย่างดีจนใครๆ ต่างก็รับสมาชิกใหม่ไว้ด้วยความเต็มใจในเวลาไม่นาน 

...แล้วใครๆ ที่ว่าก็เลือกจะมองข้ามแววตาหมองคู่นั้นที่มันไม่ได้เข้ากับรอยยิ้มบนกลีบปากบางสีสดของเจ้าตัวเลยแม้แต่น้อย



ความมืดมิดเข้าปกคลุมยามที่แสงอาทิตย์หายลับไป แสงไฟข้างทางพอให้ช่วยมองเห็นถนนดินที่ทอดยาวไปข้างหน้าได้บ้าง ล้อจักรยานหมุนวนรอบตัวเองตามแรงถีบของเท้าทั้งสองข้างของคนที่ใช้งานมันอยู่ แรงบดของเนื้อยางพาลให้เศษดินเล็กกระเด็นออกไปตามแนวล้อจักรยาน...ตามเส้นทางที่ใช้กลับบ้าน

ไม่ถึงสิบนาทีกับการออกแรงต้านลมเย็นที่พัดผ่านไป...จุดหมายอยู่ตรงหน้า...บ้านไม้ขนาดกลางที่กั้นอาณาเขตด้วยรั้วสูงระดับอกไว้อีกชั้น ดอกไม้สีสดเรียงยาวไปกับแนวดิน...ชมพูเหลืองไล่สลับกันไป เมื่อออกแรงบีบเบรคให้จักรยานหยุดการเคลื่อนตัวจนจอดสนิท ขายาวก็วาดข้ามเบาะนั่งลงมายืนเต็มความสูงพร้อมกับเข็นมันให้มาหยุดอยู่ที่หน้าประตูรั้ว ละมือหนึ่งข้างมาค้นหากุญแจดอกเล็กในกระเป๋า แต่ยังไม่ทันได้เสียบมันเข้ากับแม่กุญแจก็ต้องหยุดชะงักลงเมื่อเรียวตาสวยเหลือบไปเห็นสีแปลกปลอมที่มันช่างโดดเด่นสะดุดตาท่ามกลางพวกดอกไม้ที่ตั้งใจปลูกไว้เหลือเกิน

...วันนี้ก็มีมาเสียบไว้...

...เหมือนกับทุกๆ วัน...

สีน้ำเงินแปลกตาที่หาได้ยากตามธรรมชาติทั่วไปตัดกับผิวขาวสว่างของมือเจ้าของบ้านที่เอื้อมไปหยิบมัน...Blue Rose หนึ่งดอกในตู้จดหมายริมรั้ว....


มองมันนิ่ง...ก่อนจะจัดการเสียบก้านยาวลงช่องว่างในกระเป๋าสะพาย สองมือออกแรงเข็นยานพาหนะสองล้อเข้ามาในบริเวณบ้าน ดันขาตั้งลงเพื่อค้ำยันให้มันทรงตัวอยู่ได้ด้วยตัวเองพร้อมเตรียมดันประตูรั้วกลับเหมือนเดิม แต่ยังไม่ทันที่มันจะปิดสนิท ภาพตรงหน้าก็ทำให้ต้องหยุดการกระทำลงอีกครั้ง เมื่อผู้ชายใส่สูทสีดำกำลังปั่นจักรยานทรงสูงตรงมาทางนี้

...ผู้ชายใส่สูทกับจักรยานสองล้อในชนบท...คงเป็นเรื่องยากถ้าจะให้ชินกับภาพตรงหน้าถึงแม้จะเห็นอยู่บ่อยๆ ก็ตามที 

ตาคมหันสบมองพร้อมส่งรอยยิ้มกว้างมาให้ คนถูกทักทายคลี่ยิ้มบางกลับไปเหมือนกับทุกทีที่ทำ ล้อยางถูกหยุดการเคลื่อนไหวตรงหน้าก่อนช่วงขายาวจะเอาพื้นรองเท้าหนังขัดเงาที่ถูกเคลือบไปด้วยสีดินประปรายของตัวเองแตะลงบนพื้นเพื่อค้ำยัน 

สวัสดีครับ คุณแทฮยอน

สวัสดีครับ นี่เพิ่งเลิกงานเหรอ

ใช่ครับ พอดีวันนี้งานติดพันนิดหน่อย รถไฟคนก็เยอะผิดปกติเลยทำให้ต้องขึ้นเที่ยวต่อไปน่ะสิครับ

ทำไมไม่ย้ายไปอยู่แถวที่ทำงานล่ะครับ ที่นี่ไกลจากที่ทำงานคุณมากเลยนะ

ระยะทางจากบ้านไปที่ทำงานของคนตรงหน้านั้นไม่ใช่น้อยๆ ต้องใช้เวลาในการขี่จักรยานประมาณสิบห้านาทีไปสถานีรถไฟเพื่อจอดมันทิ้งไว้แล้วนั่งรถไฟต่อเข้าเมืองไปอีกเกือบชั่วโมง มันไม่ง่ายกว่าหรอกหรือถ้าจะไปหาที่พักแถวนั้น

ไม่ล่ะครับ ผมชอบ...ที่นี่

ใช่...เขาก็ชอบที่นี่ มันไม่วุ่นวาย ได้ฟังเสียงลมกระทบใบหญ้า...กลิ่นดินและอากาศบริสุทธิ์จากธรรมชาติทำให้จิตใจเมื่อสองปีก่อนสงบลง...

...หรือจริงๆ...


มันอาจจะเจ็บจนไร้ความรู้สึกไปแล้ว


เฮ้อโชคดีที่ทัน ถ้ากลับช้ากว่านี้...อดเจอคุณแทฮยอนแน่ๆ” เสียงทุ้มเอ่ยดังขึ้นเรียกให้คนตัวขาวหลุดจากภวังค์แล้วหันกลับมาสนใจคนตรงหน้าอีกครั้ง

บ้านเราอยู่ข้างกันแค่นี้เองนะครับคุณมินโฮ ทำเป็นอยู่ไกลกันไปได้

พูดจบก็หัวเราะเบาพร้อมยิ้มหวานส่งให้คู่สนทนาที่ยังนั่งอยู่บนจักรยานตัวเองแล้วมองกลับมาไม่วางตาเช่นกัน

ถ้าไม่ใช่ต้องเข้าไปทำงานในเมือง ชุดทำงานแบบพนักงานบริษัทเต็มยศอย่างที่เจ้าของใบหน้าคมกับผิวสีน้ำผึ้งใส่อยู่...อย่าหวังเลยว่าจะได้เห็นในสภาพแวดล้อมของชุมชนแบบนี้เลย จะมีก็เน็คไทที่ถูกปลดออกแล้วเหน็บไว้ที่กระเป๋าเสื้อบริเวณอกเท่านั้นที่ทำให้คนตรงหน้าดูสมกับเวลาเลิกงานขึ้นมาบ้าง แทฮยอนถึงคิดอยู่ทุกครั้งที่ได้เจอกันว่า...จะให้ชินคงยาก ไหนจะรูปร่างหน้าตาของเพื่อนบ้านคนนี้อีก บอกว่าเป็นคนเมืองหลวงยังน่าเชื่อมากกว่า แต่จริงๆ แล้ว ซงมินโฮก็ใช่ว่าจะเป็นคนที่นี่ 

แทฮยอนมีเพื่อนบ้านคนใหม่หลังจากย้ายกลับมาอยู่บ้านพ่อแม่ที่จากไปตั้งแต่สองพี่น้องยังเป็นเด็กได้ราวๆ เกือบปี เจ้าของผิวเข้มก็เข้ามาอยู่แทนป้าข้างบ้านที่ย้ายไปอยู่กับลูกหลานในเมือง


ใกล้กันแต่ไม่ได้เห็นหน้า ก็ไม่มีประโยชน์หรอกครับ

.........

ผมอยากเจอคุณทุกวัน

เกิดอาการสตั๊นท์ไปห้าวินาที แทฮยอนไม่รู้ว่าตัวเองทำหน้าแบบไหนออกไปแต่พอสบมองเข้ากับดวงตาคมนั้น มันคือเรื่องจริงที่อีกฝ่ายเอ่ยบอก ไม่มีคำว่าล้อเล่นฉายอยู่เลยแม้แต่น้อย เพียงสายลมพัดผ่าน...เจ้าของผมแสกกลางก้าวตรงไปหาอีกคนระยะห่างก็เหลือไม่ถึงช่วงแขน...ตาสบตา...ขยับเข้าใกล้อีกหนึ่งก้าว ก่อนมือขาวจะเอื้อมขึ้นสูงเหนือเส้นผมสีน้ำตาลไหม้

ใบไม้ติดผมครับ” เศษใบไม้สีน้ำตาลแห้งถูกชูขึ้นในระดับสายตาประกอบคำพูด

.........

เจอกันพรุ่งนี้นะครับ” กล่าวลาจบก็เดินเข้าบ้านไป...ไม่หันมามองเพื่อนบ้านตัวสูงที่ยังแน่นิ่งอยู่กับที่ไม่ขยับไปไหน



กระเป๋าสะพายข้างถูกปลดจากไหล่ก่อนจะวางมันลงบนโต๊ะไม้ตามมาด้วยเสื้อนอกสีเข้มที่วางลงข้างๆ กัน เรียวตาสวยจ้องมองไปยังดอกไม้สีสวยที่แนบลงไปกับเนื้อไม้ของผิวโต๊ะ...นิ่งงัน...มองมันด้วยสายตาว่างเปล่า...ก่อนจะหยิบมันขึ้นมาอีกครั้ง เดินตรงไปยังริมหน้าต่างที่มีแจกันดินเผาสีส้มอิฐวางเรียงติดกันเป็นแนวยาว กิ่งก้านสีคล้ำกับกลีบใบสีน้ำเงินที่เหี่ยวเฉาไปตามกาลเวลา...มีสีน้ำตาลแทรกซึมเอาความชุ่มฉ่ำของมันไป

...Blue Rose นับร้อยดอกที่แห้งเหี่ยว...

...ไม่ต่างอะไรเลยกับก้อนเนื้อในอกด้านซ้าย...


มือขาวบีบแรงเข้าที่ก้าน...หนามคมทิ่มแทงจนเลือดไหล...สีเขียวเปรอะเปื้อนไปด้วยสีแดง มันไหลจนสุดปลายหยดลงกระทบผิวไม้...

...หวังช่วยบรรเทาความเจ็บจากข้างในออกมาได้บ้าง

...แต่มันไม่รู้สึกอะไรเลย...ก็แค่เพิ่มรอยแผลเพิ่มมาอีกหนึ่ง...



ก็เท่านั้นเอง...











เสียงล้อจักรยานเบียดกับถนนดินมาตามทางที่คุ้นเคย รอยยิ้มหวานส่งทักทายผู้คนตลอดทาง ยิ้มมาไม่ยิ้มกลับก็ไม่ใช่เรื่อง แทฮยอนไม่ใช่คนเสียมารยาทขนาดนั้น แล้วอีกอย่างทุกคนที่นี่ก็น่ารักและนิสัยดี ไม่แปลกอะไรที่เขาจะหลงรักที่นี่มากกว่าที่ๆ จากมา...

...ทิ้งความทรงจำเก่าๆ ไป มาเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นี่....

ยานพาหนะสองล้อถูกจอดไว้ตำแหน่งประจำหน้าร้านขายของชำ สองช่วงขายาวพารองเท้าผ้าใบสีเขียวหม่นคู่เก่งก้าวตรงไปยังประตูทางเข้าที่ป้ายหน้าร้านยังหันด้านที่ไม่พร้อมเปิดรับบริการเมื่อยังไม่ถึงเวลา มือขาวจับก้านประตูเตรียมออกแรงผลักเข้าไปแต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเสียงพูดคุยจากด้านในดังออกมาเข้าหูเจ้าของชื่ออย่างแทฮยอนพอดี


ตาว่าความจำพี่แทฮยอนจะกลับมาไหม

ข้าจะไปรู้ได้ไง เอ็งอยากให้พี่เขาจำอะไรได้ล่ะ

ไม่รู้สิ แต่พี่เขาดูไม่มีความสุขถึงแม้ปากจะยิ้มอยู่ก็เถอะ

....แล้วเอ็งคิดว่าถ้าพี่เขาจำเรื่องราวเก่าๆ ได้...มันจะมีความสุขอย่างที่เอ็งถามถึงจริงๆ เหรอ

อืม นั่นสิ

ข้าไม่สนหรอกนะว่าก่อนหน้านี้มันเป็นยังไง ขอแค่อย่ามีใครมาทำร้ายหลานข้าไปมากกว่านี้ก็พอ

โอ้โห โคตรแมนอ่ะตา

ไอ้นี่มันวอนโดนแพ่นกบาลจริงๆ

เปลือกตาบางปิดลงพร้อมกับมือขาวที่กำแน่นเข้าที่ด้ามจับประตู สูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้งก่อนจะผ่อนออกแรงและตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปพร้อมรอยยิ้มแรกของวันในยามเช้าแบบนี้

อรุณสวัสดิ์ครับตา

อ่าว มาแล้วหรอ ไปๆ ดงฮยอน จะไปไหนก็ไป พี่เอ็งมาแล้ว

โหตา พอพี่แทฮยอนมาก็ไล่ผมเป็นหมาเลยนะ

ไปไหนแต่เช้า” 

เข้าเมืองน่ะ นัดเพื่อนไว้ พี่จะเอาอะไรเปล่า

โอดครวญใส่คนเป็นตาได้ไม่นานก็ต้องหันมาตอบคำถามพี่ชายตัวเองที่เดินไปเก็บกระเป๋าหลังเคาน์เตอร์ก่อนจะหยิบผ้ากันเปื้อนสีอ่อนที่แทบจะเป็นยูนิฟอร์มประจำร้านไปแล้วมาสวมทับเสื้อยืดสีเข้มอีกที เรียวตาสวยหันมองคู่สนทนาที่สะพายกระเป๋าเตรียมตัวออกจากบ้านเรียบร้อย

กลับกี่โมง พี่จะได้รู้ว่าต้องอยู่ร้านดึกไหม

ค่ำๆ หน่อยน่ะ ถ้าจะกลับแล้วเดี๋ยวโทรมาบอก ผมไปก่อนนะ ไปล่ะครับตา

ชี้แจงไว้เสร็จสรรพพร้อมเอ่ยคำลากับผู้ปกครองทั้งสองก่อนเปิดประตูออกจากร้านไป หลานคนโตที่พร้อมจะเริ่มงานจัดการเดินตรวจเช็คของภายในร้านจนทั่วเพื่อเตรียมตัวเปิดร้าน 

ตาทานข้าวเช้าหรือยังครับ

เรียบร้อยแล้ว ว่าแต่เราเถอะได้กินมาหรือยัง

กินกาแฟมาแล้วครับ

ตาหมายถึงข้าวเช้า

คนที่เหมือนจะโดนดุกลายๆ หยุดหยิบจับสินค้าในชั้นวางของก่อนจะหันมายิ้มแห้งปนออดอ้อนส่งไปให้ผู้สูงอายุที่แสนเคารพรักทันที

ยังเลยครับ

เฮ้อ เอ็งนี่นะ บอกว่าให้มาอยู่กับตา บ้านนั้นก็มีคนไปดูแลทำความสะอาดอยู่แล้วจะไปกังวลทำไม

เสียงบ่นที่ค่อยๆ เบาลงตามระยะความห่างของต้นเสียงที่ไกลออกไปเรื่อยๆ จนหายเข้าไปในส่วนหลังบ้านก่อนจะกลับออกมาพร้อมถ้วยเซรามิคเคลือบเงาสีฟ้าครามในมือ มันถูกวางลงบนเคาน์เตอร์ตำแหน่งประจำของหลานชาย

บ้านนู้นที่คุณตาวัยเจ็ดสิบพูดถึงก็คือบ้านของลูกสาวและลูกเขย...บ้านพ่อแม่ของแทฮยอนและดงฮยอนที่เสียไปตั้งแต่ลูกชายคนโตอย่างเขาอายุได้เพียงสิบห้าขวบ หลังจากที่ไปอยู่เมืองหลวงและได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง แทฮยอนเลือกที่จะกลับไปอยู่บ้านหลังนั้นเพียงลำพัง ถึงแม้จะโดนท้วงอยู่หลายครั้งแต่เขาก็ยังยืนยันคำเดิม

มากินข้าว

ครับ

เอ่ยปากขานรับพร้อมรอยยิ้มที่คนเป็นตาต้องใจอ่อนดุด่าไม่ลงสักครั้ง แทฮยอนไม่ใช่เด็กดื้อแต่ก็มีเรื่องที่ทำให้ต้องเป็นห่วงจนบางทีก็อดที่จะเอ็ดไม่ได้ หลานชายคนนี้ทำหน้าที่พี่ชายคนโตได้ดีแบบไม่ขาดตกบกพร่อง จนไม่กี่ปีที่ผ่านมา...ถึงเวลาที่แทฮยอนต้องมีใครสักคนมาดูแล...และน้องชายคนเล็กอย่างดงฮยอนก็ทำหน้าที่นั้นได้เป็นอย่างดี

...อย่างเช่นข้าวผัดกิมจิในชามเซรามิคตรงหน้านี้ ไอ้ตัวแสบตื่นแต่เช้าทุกวันเพื่อมาทำอาหารให้ทุกคนเพราะดงฮยอนรู้ดีว่าพี่ชายมันไม่คิดจะดูแลตัวเองเหมือนที่ดูแลคนอื่นหรอก




ขอบคุณครับ” 

เงินทอนถูกยื่นให้พร้อมรอยยิ้มและคำขอบคุณ ใกล้จะหมดไปอีกหนึ่งวันที่แสนเรียบง่าย หนังสือเล่มหนาข้างกายถูกหยิบขึ้นมาเปิดหน้าที่คั่นด้วยกระดาษแผ่นบางไว้ ตัวหนังสือเรียงรายบรรทัดต่อบรรทัดอยู่บนกระดาษสีนวลแผ่นบาง นิยายแปลที่พ่อค้าตัวขาวกำลังติดอยู่ตอนนี้ ส่วนเจ้าของร้านตัวจริงกำลังง่วนอยู่กับการรดน้ำต้นไม้ที่สวนหลังบ้าน...เสียงเพลงโปรดคลอไปกับจังหวะการพลิกหน้ากระดาษ แต่ยังไม่ทันได้ไล่สายตาอ่านตัวหนังสือตัวแรกของหน้าใหม่ เสียงประตูกับแรงลมด้านนอกเพียงไม่ถึงนาทีก็เรียกความสนใจจากแทฮยอนให้เงยหน้าขึ้นเตรียมต้อนรับลูกค้ารายใหม่ซะก่อน

สวัสดี...ครับ

สวัสดีครับ คุณแทฮยอน

คุณมินโฮ...มาซื้อของเหรอครับ” อ่าใช่ เพื่อนบ้านเขาเอง

จริงๆ แล้วก็ไม่เชิงหรอกครับ แต่ซื้อสักอย่างสองอย่างก็ได้

พูดจบก็เดินไปหยิบขนมขบเคี้ยวถุงใหญ่พร้อมกับลูกอมที่หน้าเคาน์เตอร์อีกหนึ่งกล่อง แบงค์ใหญ่ถูกยื่นไปก่อนจะได้ส่วนต่างที่หักลบจากราคาของแล้วกลับคืนมาพร้อมเศษอีกสองเหรียญ 

จริงๆ แล้ว?” เจ้าของร้านเลิกคิ้วสูงขึ้นเป็นเชิงถามลูกค้าผิวเข้มตรงหน้า

จริงๆ แล้ว...

?


..


.


แสงอาทิตย์ลาลับฟ้าไปแล้ว... เสียงลมพัดเอื่อยผสมปนไปกับเสียงล้อยางที่หมุนวนบดเนื้อสีดำลงบนถนนดินเหมือนเช่นทุกวัน หากแต่วันนี้ยานพาหนะสองล้อกลับต้องรับน้ำหนักเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวเพราะมีผู้โดยสารมากกว่าหนึ่งคนและเจ้าของมันก็ไม่ได้เป็นคนขับเคลื่อนแต่กลับใช้บริการเบาะหลังที่แทบจะไม่เคยแตะก้นลงบนความนุ่มของมันเลยตั้งแต่ใช้งานมา

หนักไหมครับ ผลัดกันปั่นก็ได้นะ

ผมมาเป็นภาระคุณแท้ๆ จะให้คุณมาปั่นให้ผมซ้อนท้ายสบายๆ ได้ไงครับ

มันเป็นเหตุสุดวิสัยหนิครับ ใครจะไปอยากให้ล้อจักยานมันแบนกัน

อ่า...นั่นสินะครับ

ใช่...ใครจะไปตั้งใจปล่อยลมยางล้อจักรยานกัน...




รั้วไม้กับกลีบดอกชมพูเหลืองแข่งกันอวดสีสวยสดสู้แสงนวลจันทร์ที่ส่องสว่างเต็มดวงในค่ำคืนนี้ เสียงวงล้อหยุดหมุน...เสียงเดินเหยียบเศษหินเศษดินดังแทรกเสียงลมพัดหวิว

แล้วพรุ่งนี้คุณจะไปทำงานยังไงครับ จักรยานก็จอดทิ้งไว้ที่ร้านผม

จะเป็นอะไรไหม ถ้า...

..........

ผมจะขอยืมจักรยานคุณพร้อมเป็นสารถีให้ไปสักระยะ

เท้าสองคู่หยุดการเหยียบย่ำ บทสนทนาหยุดชะงัก...เจ้าของบ้านกำลังหันไปสนใจลูกกุญแจที่บิดไขเพื่อปลดกลอนประตูรั้วแทน 

มือใหญ่กำแน่นเข้าที่แฮนด์จับทั้งสองข้างเมื่อคู่สนทนายังคงเงียบและไม่สนใจกับคำถามก่อนหน้านี้ กลิ่นดินโชยมาตามลมพัดผ่านไปเพียงชั่ววูบ กลิ่นหอมอ่อนจากเจ้าของบ้านที่ผลักประตูเปิดเข้าไปด้วยเช่นกัน....ไม่ต่างกับดอกไม้ผิดธรรมชาติข้างรั้วที่แทฮยอนกำลังเสตามองนิ่ง มือขาวอุ่นหยิบมันขึ้นมาพร้อมหันไปขอจักรยานคืน

ขอบคุณมากครับ

....ครับ

พรุ่งนี้เจอกัน...

ริมฝีปากสีสดแตะลงบนกลีบดอกไม้เย็นชืดสีน้ำเงินเข้ม เรียวตาสวยสบมอง...ก่อนมันจะคลี่ออกเป็นรอยยิ้มบางเบา...เช่นเดียวกับเสียงหวานที่ลอยมาตามลม

..


...ก่อนหกโมงเช้านะครับ




ก่อนหกโมงเช้าที่ว่า...คงจะหมายถึงตีห้ากับอีกสามสิบนาทีหรือเปล่า แขกตัวสูงมายืนส่งยิ้มให้เจ้าของบ้านอยู่หน้ารั้วตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง...ก่อนพระอาทิตย์กำลังหมุนเวียนเปลี่ยนฝั่งเพื่อให้แสงสีเหลืองเกลี่ยไปตามทุ่งสีเขียวชอุ่ม ลมเย็นพัดเอากลิ่นน้ำค้างจากยอดหญ้าผ่านเข้าทางหน้าต่างที่เปิดออกกว้าง

ปกติคุณตื่นเช้าแบบนี้ทุกวันเหรอครับ

เจ้าของบ้านตัวขาวเอ่ยถามแขกที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะ ในขณะที่ตัวเองกำลังง่วนอยู่กับออมเลตและไส้กรอกสีเกรียมในกระทะร้อนหน้าเตาไฟฟ้า

ครับ ไม่อย่างนั้นจะสาย แล้วคุณแทฮยอนล่ะ

ก็ช้ากว่านี้นิดหน่อยครับ ปกติผมตื่นหกโมงครึ่ง

นี่ผมมากวนคุณหรือเปล่า

ไม่หรอกครับ อย่างน้อยก็มีเวลากินมื้อเช้า...

ขนมปังปิ้งกำลังระอุอยู่ในเครื่องปิ้งอุณหภูมิสูงจนสีน้ำตาลเกรียมเริ่มเคลือบบนผิวเนื้อนิ่ม ไข่สีเหลืองอร่ามที่มีพริกไทยป่นโรยอยู่ด้านบนด้วยเช่นกัน จานสองใบถูกยกมาตั้งโต๊ะก่อนกลิ่นหอมจากไอร้อนที่ลอยเหนือแก้วเซรามิคสีดำด้านจะตามกันมาติดๆ

มีเวลากินมื้อเช้า?

ปกติจะมีแค่กาแฟแก้วเดียวก่อนออกจากบ้านครับ

แต่ปกติ...” เสียงทุ้มขาดหายไปพร้อมกับคิ้วเข้มที่ขมวดเข้าหากันจนคู่สนทนาต้องเงยหน้าจากการบีบซอสรสเปรี้ยวลงในจานของตัวเอง

...ครับ?

เปล่าครับ ไม่มีอะไร...จริงๆ มื้อเช้าสำคัญนะครับ

ตาก็บ่นอยู่บ่อยๆ เรียกว่าทุกวันน่าจะถูกต้องกว่า

พูดถึงผู้ปกครองอีกคนไปด้วยรอยยิ้มจาง ความเป็นห่วงที่แทฮยอนรับรู้ได้...กลิ่นคาเฟอีนยังลอยคละคลุ้งไปกับอากาศตอนเช้า เกล็ดความหวานอัดก้อนสีน้ำตาลถูกหย่อนลงในแก้วกาแฟจนละลายหายไปเพราะความร้อน หนึ่งก้อน...สองก้อน...คนจนมันกลมกล่อมเข้าไปกับรสชาติกาแฟขมปร่าก่อนหน้า มือขาวเลื่อนมันให้เข้าใกล้แขกตัวสูงมากขึ้น ส่วนของตัวเองก็เติมนมสดสีขาวลงไปเล็กน้อย

กาแฟครับ

............

มือใหญ่กำมีดที่กำลังเฉือนไส้กรอกไว้นิ่ง...ก่อนจะวางมันลงแล้วรับคาเฟอีนสีเข้มหอมกรุ่นมาดื่ม

...กาแฟดำใส่น้ำตาลสองก้อน...

คุณ...รู้ได้ไงว่าผมกินกาแฟแบบนี้

ปลายช้อนคันเล็กหยุดชะงัก กาแฟร้อนในแก้วยังหมุนไปตามแรงเหวี่ยงที่ค้างไว้เหมือนกระแสน้ำวน ดวงตาคมจ้องมองมาอย่างไม่ลดละหากแต่แทฮยอนกลับทำได้แค่เสตาหลุบมองที่แก้วเซรามิคของตัวเอง

ความเคยชินครับ...

............

แฟนเก่าผม...ชอบดื่มกาแฟแบบนี้

งั้น.........

แต่ผมจำไม่ได้หรอกนะครับ...มันก็แค่ความเคยชิน

ใช่...ก็แค่ความเคยชิน

ทำไมคุณถึงจำเขาไม่ได้ล่ะครับ...ในเมื่อร่างกายคุณยังจำเขาได้เลย

ของร้อนสีเข้มถูกยกขึ้นดื่ม จรดริมฝีปากลงสัมผัสความขมปร่าของคาเฟอีนที่แสนเฝื่อนคอ ผ่านไปเสี้ยวนาทีก่อนจะวางมันลงและหันไปสบมองกับสายตาคมของคนที่ยังจ้องมาพร้อมรอคำตอบจากเจ้าของบ้าน


คุณน่าจะลืมว่าผมความจำเสื่อม...

...เขาอาจจะไม่สำคัญมากพอที่จะให้ผมจำก็ได้

สิ้นเสียงหวานกับคำบอกกล่าว เจ้าของบ้านก็ขอตัวขึ้นไปหยิบของที่ชั้นสองเพื่อเตรียมตัวออกจากบ้าน ยุติการกินมื้อเช้าไว้แค่นั้น กาแฟพร่องไปเพียงครึ่งแก้ว ขนมปังยังส่งกลิ่นหอมเกรียมอยู่ที่เครื่องปิ้งรอให้ใครสักคนไปหยิบมันออกมา หากแต่เวลานี้คงไม่มีใครคิดจะสนใจมัน 

ประตูห้องปิดลงพร้อมแผ่นหลังบางที่แนบสนิทกับความเย็นของแผ่นไม้บานใหญ่ นัยน์ตาสีน้ำตาลสวยปิดลงอย่างอ่อนล้าก่อนรอยแผลข้างในอกมันจะกรีดร้องจนกลั่นออกมาเป็นหยดน้ำใสที่ไหลอาบแก้มขาวอยู่ตอนนี้...


...ใช่...

...มันไม่สำคัญมากพอที่จะให้เจ็บปวด...











ผมจะเอาลูกคุณไปขายร้านรับซื้อของเก่า

ฟังดูโหดร้ายจังเลยครับ

สนิมจะขึ้นอยู่แล้วครับ

เราทางเดียวกัน ช่วยลดโลกร้อน

เผื่อคุณจะลืม...จักรยานไม่ต้องใช้น้ำมัน

บทสนทนาที่ไม่เบานักของคนสองคนเพราะต้องปรับระดับเสียงให้ดังแข่งกับลมแรงที่พัดผ่านจักรยานสองล้ออยู่ตอนนี้ รอยยิ้มที่ประดับไว้อยู่บนใบหน้าคมของคนขับกับคนคิ้วตกที่ขมวดคิ้วเข้าหากันนั่งในตำแหน่งคนซ้อนท้ายทั้งๆ ที่เป็นเจ้าของยานพาหนะสองล้อถีบนี้แท้ๆ เสียงหัวเราะอารมณ์ดีของมินโฮดังลั่นหลังจากประโยคประชดประชันนั้นจบลง

ผมน่าจะลืมจริงๆ อยู่กับคุณแล้วทุกอย่างมันเหมือนจะหายไปจากหัวหมดเลย

...........

....มันมีแต่คุณอยู่ในนั้น

ไม่มีเสียงตอบรับ...มือขาวที่จับอยู่บริเวณปลายเสื้อสูทกำเข้าหากันแน่น ไม่กลัวว่ามันจะยับเป็นรอยเหมือนในตอนแรก เวลาผ่านไปกับเสียงลมที่เป็นตัวทำลายความเงียบเพียงสิ่งเดียว มือใหญ่ออกแรงบีบเบรคจนล้อหยุดหมุนเมื่อมาถึงจุดหมายแรก...ร้านขายของชำ คนซ้อนท้ายลงมายืนเต็มความสูงก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ข้างสารถีจำเป็น

เจอกันตอนเย็นครับ

เสียงหวานเอ่ยบอกก่อนเตรียมตัวหันหลังเดินเข้าร้านไป แต่แรงรั้งที่ข้อศอกกลับทำให้ต้องหันมามองคนที่ยังไม่ไปไหนพร้อมเลิกคิ้วสูงเป็นเชิงถาม

..........

คุณมินโฮ?

คุณอึดอัดไหม

ครับ?

ที่มีผมอยู่ด้วยตรงนี้...ผมกลัวคุณอึดอัด

..........

มือใหญ่ที่แตะอยู่บริเวณข้อศอกเลื่อนลงมากอบกุมมือขาวไว้ก่อนออกแรงดึงให้เจ้าของมันขยับเข้ามาใกล้กัน สายตาคมจ้องลึกไปในตาของอีกฝ่ายอย่างต้องการจะสื่อความหมายที่กำลังจะเอ่ยต่อจากนี้ว่ามันจริงจังแค่ไหน...มันกลั่นออกมาจากใจทั้งหมด

คุณว่าความรักมันคืออะไรเหรอ...

..........

สำหรับผม...มันก็เหมือนต้นไม้ ต้องดูแลเอาใจใส่กัน รอคอยผลผลิตที่งอกงาม ผมอยากเป็นรากหยั่งลึก ค้ำจุนคุณที่เป็นต้น...ผมจะเป็นกิ่งให้ใบอย่างคุณได้เกาะเกี่ยว...

...ความอุ่นจากฝ่ามือที่กุมมือขาวไว้ออกแรงดึงทาบมันลงกับอกกว้าง...หัวใจภายใต้เสื้อสูทราคาแพงกำลังเต้นรัว

.........

ส่วนความรักของผม....มันคือปุ๋ยและน้ำที่คอยดูแลคุณ ความรักของเราจะเจริญงอกงามออกมาจนเป็นดอกไม้ที่ผลิบาน

ริมฝีปากบางถูกเม้มเข้าหากันแน่น เรียวตาสวยเสหลบมองต่ำไปที่ปลายเท้าก่อนสัมผัสร้อนชื้นที่ฝ่ามือจะทำให้ต้องรีบเงยหน้ากลับไปสบตากับเจ้าของการกระทำนั้นพร้อมหัวใจที่กระตุกแรง

..

เรา...มาปลูกต้นไม้ด้วยกันนะครับ

...


เจ้าของเสียงทุ้มจากไปแล้ว เหลือไว้เพียงความอุ่นซ่านของก้อนเนื้อที่มีแต่รอยแผลในอกข้างซ้าย มือขาวกระชับสายสะพายกระเป๋าไว้แน่นพร้อมสูดหายใจลึกเข้าปอดก่อนหันหลังกลับเตรียมเริ่มงานในเช้าวันใหม่ แต่ก็ต้องหยุดชะงักลงอีกครั้งเมื่อเห็นใครอีกคนยืนรออยู่หน้าร้าน

ตา...อรุณสวัสดิ์ครับ

อื้อ เห็นว่ามาถึงตั้งนานแล้วแต่ยังไม่เข้าไป ตาเลยออกมาดู

อ่อ พอดียืนคุยกับคุณมินโฮนิดหน่อยครับ

โอเคใช่ไหม...กับไอ้หนุ่มนั่น

...........

ช่างเถอะ รีบเข้าร้านได้แล้ว ยืนตากลมนานๆ เดี๋ยวไม่สบายเอา

หลังพูดจบคนเป็นตาก็หันหลังกลับเข้าไปทันที...แทฮยอนหน้าเหมือนแม่...ลูกสาวของเขา ใบหน้าหวานที่ยิ้มแย้มตลอดเวลา แต่ในวันที่แทฮยอนกลับมากับรอยแผลเป็นที่มองไม่เห็น แก้วตาใสนั้นขุ่นมัวลงอย่างเห็นได้ชัด...ไม่เคยเอ่ยปากถาม ทำไมคนที่ผ่านโลกมาเยอะจะไม่รู้ แต่คนเป็นตาอย่างเขาไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย

....เขาไม่อยากให้แทฮยอนเจ็บไปมากกว่านี้แล้ว



หนึ่งวันที่ใกล้จะผ่านพ้นไป...ชีวิตประจำวันที่เหมือนเดิมมาได้เกือบเดือนแล้วที่มีใครอีกคนเข้ามาใกล้กันมากขึ้น มือขาวที่จับอยู่ที่ปลายเสื้อสูทเหมือนกับตอนมาถูกเจ้าของมือใหญ่กุมไว้จนแน่นก่อนจะเลื่อนให้มันมาโอบรอบเอวไว้ด้วยเหตุผลที่ว่ากลัวคนซ้อนท้ายจะตกลงไปได้รับบาดเจ็บ แต่แทฮยอนคงจะไม่โง่ขนาดที่ว่าตกจักรยานในความเร็วเท่าเต่าคลานแบบนี้หรอกมั้ง ให้ตายเถอะ...นี่ขับแข่งกับหอยทากอย่างนั้นเหรอ

คุณมินโฮ ผมว่า....

ครับ?

ผมว่าผมเห็นหอยทากผ่านไปเมื่อกี้

มีที่ไหนกันล่ะครับ

คุณน่าจะรู้ว่าผมประชดนะครับ

...นั่นสินะครับ

อะไรคือ...นั่นสินะครับ...แต่ถ้าแทฮยอนลองชะเง้อไปมองหน้าคนขับตอนนี้คงจะได้เห็นรอยยิ้มที่มันเต็มแก้มจนแทบล้นออกมาเลยก็ว่าได้ 

รั้วบ้านที่แสนคุ้นเคยอยู่ตรงหน้าแต่กลับมีบางอย่างแปลกตาไปจนเรียวคิ้วสวยต้องเลิกขึ้นด้วยความสงสัย อะไรบางอย่างมันหายไป...

...ขายาวยืนขึ้นเต็มความสูงเมื่อถึงที่หมาย รั้วไม้ถูกเปิดออกกว้างก่อนจักรยานสองล้อจะตามเข้ามาพร้อมคนทั้งคู่ เจ้าของบ้านจอดมันไว้ในที่ประจำก่อนหันมาหาคนที่ยืนยิ้มหวานรออยู่ข้างๆ

ขอบคุณครับ เจอกันพรุ่งนี้

เดี๋ยวครับ...

...?

คุณลืมอะไรหรือเปล่า

จากคิ้วเรียวที่เลิกสูงกลายมาเป็นขมวดเข้าหากันจนแทบชิดติด แต่เจ้าของคำพูดก็ไม่ปล่อยให้อีกคนได้สงสัยนาน...มือใหญ่หยิบบางสิ่งออกมาจากกระเป๋าสะพายข้าง...บางอย่างที่ทำให้แทฮยอนต้องมองมันจนมาหยุดสายตาอยู่ที่นัยน์ตาสีเข้ม


...ดอกกุหลาบสีน้ำเงินที่แสนคุ้นตา....


มันถูกยื่นมาตรงหน้าพร้อมกับมือใหญ่ที่เอื้อมมาจับมือขาวให้รับมันไว้ ระยะห่างระหว่างทั้งคู่ถูกร่นถอยโดยช่วงขายาวของมินโฮ...Blue Rose ถูกนำให้ขึ้นมาอยู่ในระดับริมฝีปากก่อนมันจะถูกกดลงให้แนบชิดกับเชอร์รี่สีสด เพียงเสี้ยววินาที...ลมหายใจร้อนที่เข้ามาในระยะประชิดจนแทบหยุดหายใจ ความเย็นชืดของกลีบดอกไม้สีน้ำเงินถูกแทนที่ด้วยความอุ่น สัมผัสเพียงบางเบาก่อนมันจะผละออกไป

ผมยังรอคำตอบอยู่นะครับ


ซงมินโฮเดินกลับไปแล้ว...พร้อมกับหัวใจของแทฮยอนที่มันกระตุกแรงอยู่ในอก ความเย็นของลมพัดในช่วงพระอาทิตย์ตกดินทำให้ต้องพาตัวเองกลับเข้าในบ้าน ประตูบานใหญ่ถูกเปิดออกแต่เรียวตาสวยกลับมองไปยังเจ้าของบ้านรั้วติดกัน

..

.

แล้วหนามนับพันก็ทิ่มแทงเข้ามาในอก

ภาพที่เห็น...คนที่เดินจากไปเมื่อไม่ถึงนาทีก่อนกับผู้หญิงอีกคน มือใหญ่ที่กำลังลูบอยู่บนกลุ่มผมสีมะฮอกกานียาวสลวยนั้น หนึ่งปีแล้วที่ไม่ได้เห็นใบหน้าอ่อนหวานนั้น ดวงตากลมโตกับผิวแก้มอมชมพู

รอยยิ้มของทั้งคู่ที่ยิ้มให้กัน...

รอยยิ้มอ่อนโยนที่เคยเป็นของแทฮยอน.....

กลีบดอกสีน้ำเงินแหลกสลาย มันถูกขย้ำจนแหลกเละคามือ...ก้านสีเขียวถูกกำจนรอบ หนามคมทิ่มแทงจนเปื้อนเปรอะไปด้วยสีแดง

กับมืออีกข้างที่จิกเล็บลงบนอกด้านซ้าย ก้อนเนื้อสีสดมันกำลังบีบรัด...ดวงตาที่พร่ามัว ความเปียกชื้นที่ผิวแก้ม...ก้มลงมองมือทั้งสองข้าง 

..เลือดที่อาบอยู่ปะปนไปกับสีผิดธรรมชาติมันไม่ได้ทำให้แทฮยอนเจ็บสักนิดเมื่อเทียบกับความว่างเปล่าบนมืออีกข้าง...

ไม่เลย ข้างในเลือดไม่ไหล

..

.

...แต่มันกลับเจ็บเจียนตาย






ม่านผืนบางพัดปลิวไปตามแรงลมผ่านหน้าต่างที่เปิดออกกว้าง กลิ่นดิน...ดอกไม้...ดอกหญ้า อบอวลไปทั่วห้อง ดูเป็นการต้อนรับวันใหม่ที่แสนสดชื่น...แต่มันไม่ใช่สำหรับคนที่นอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาตอนนี้ เปลือกตาบางลืมตื่นเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูแทรกผ่านเสียงกิ่งไม้ที่เสียดสีกันอยู่ด้านนอก...กี่วันแล้วไม่รู้ที่ไม่ได้ออกจากบ้าน อาหารที่ตกถึงท้องทำให้ไม่ต้องปวดแสบเพราะน้ำย่อยกำลังกัดกระเพาะก็มาจากดงฮยอนที่คอยเอามาส่งให้ถึงบ้าน สภาพที่น้องชายเห็นมันไม่ต่างจากสองปีที่แล้วเลยแม้แต่น้อย

ตื่นได้แล้วครับ ถึงเวลาอาหารเช้าแล้ว” 

............

พี่แทฮยอน

อือ...ไว้นั่นแหละ เดี๋ยวลงไป

ลงเลยตอนนี้

อย่าบังคับกันได้ไหม

ไม่อย่างนั้นพี่ก็ไม่ยอมกินอีก

...........

ถูกของดงฮยอน...เขาก็จะปล่อยให้มันอยู่ที่เดิมแบบนั้นต่อไป อาจจะแตะมันบ้างสักคำสองคำ แต่สุดท้ายแล้วก็โดนบ่นอยู่ดี

ตาเป็นห่วงพี่มากนะ

...อือ...ฝากขอโทษตาด้วย

โอเค ไม่บังคับแล้ว แต่ต้องกินให้หมดเข้าใจไหม

ไม่มีเสียงตอบรับ คนที่ยังนอนอยู่บนเตียงทำเพียงแค่พยักหน้ากลับไปให้เท่านั้น น้องชายที่ยืนถอนหายใจอยู่กลางห้องได้แต่หลับตาลงก่อนจะเดินเข้าไปหาแล้วแทรกตัวเข้าไปในผ้าห่มผืนเดียวกัน...ดึงพี่ชายคนเดียวเข้ามากอดไว้จนแน่น

...เหมือนกับเมื่อก่อน...หลังจากที่พ่อแม่จากไป

พวกเราสองคนถูกโอบกอดไปด้วยน้ำตา...


ร้องออกมาเถอะ เก็บไว้คนเดียวมันไม่ช่วยอะไรหรอกนะ

ไหล่บางที่เคยนิ่ง...ตอนนี้มันกลับสั่นไหวไปด้วยแรงสะอื้น มือขาวกำผ้าเนื้อบางของเจ้าของอ้อมกอดจนมันยับไปตามแรงขย้ำก่อนจะเปียกชื้นไปด้วยความเศร้าของแทฮยอนที่หลั่งออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่

...ลมเอื่อยที่เคยพัดก่อนหน้านิ่งสงัด ดงฮยอนทำได้เพียงรับฟังความเจ็บปวดนี้ผ่านเสียงสะอื้นที่ร้องดังขึ้นท่ามกลางความเงียบเท่านั้น...

พี่ชายเขาเป็นคนเข้มแข็ง...แต่แผลที่โดนกรีดลงที่เดิมซ้ำๆ มันก็ทำให้คนอ่อนแอลงได้เหมือนกัน



ดงฮยอนกลับไปแล้ว สุดท้ายมื้อเช้ากับมื้อกลางวันก็ถูกรวบเป็นมื้อเดียว ดวงตาบวมช้ำที่รู้สึกปวดหนึบไม่ต่างอะไรกับหัวที่มันบีบรัดแรงเพราะร้องไห้ติดต่อกันหลายชั่วโมง...ไม่สิ หลายวันต่างหากที่น้ำตามันไหลออกมาเอง 

...หลายวันแล้วแต่ภาพนั้นยังติดตาและคนสร้างความเจ็บปวดก็หายไปพร้อมกับทิ้งรอยหมึกไว้บนกระดาษแผ่นเล็กเพียงเท่านั้น ข้อความที่เอ่ยบอกถึงการหายไปเพราะมีธุระต้องไปจัดการ นั่นคงสำคัญและด่วนมากถึงขนาดมาบอกด้วยตัวเองไม่ได้ น่าจะไปกับคนๆ นั้น...

...คนที่สำคัญมากกว่า

ก็ไม่ต่างอะไรกับเมื่อสองปีก่อน...ความเจ็บปวดนั้นยังคงเสียดแทงมาจนถึงทุกวันนี้ เคยคิดว่าจะชินชา...แต่เปล่าเลย รอยแผลที่กดเข้าไปจนลึกสุดท้ายแล้วมันก็ปริแตกเมื่อทนไม่ไหว

หลับตาลงอีกครั้ง...พร้อมกับน้ำตาที่แห้งเหือดไปจะไหลอาบแก้มลงมาอีกรอบ...



เวลาผ่านไปจนแสงสีส้มมาเยือน โลกหมุนหลบแสงอาทิตย์ไปอย่างช้าๆ เสียงนกร้องดังไปทั่วเมื่อถึงเวลากลับรังของพวกมัน ใบหน้าหวานแหงนมองเมฆกลุ่มหนาที่เคลื่อนตัวเข้าบดบังแสงสว่าง เท้าเปลือยเปล่าเหยียบย่ำลงบนผิวดิน เศษสีน้ำตาลเข้มเปรอะไปทั่วฝ่าเท้ากับปลายกางเกงชุดนอนที่เจ้าของมันไม่คิดจะเปลี่ยนตั้งแต่เช้า สายน้ำสีใสกำลังถูกรดลงบนดอกไม้นอกรั้วบ้าน เจ้าของมันได้แต่เอ่ยขอโทษอยู่ในใจที่ปล่อยปละละเลยมันจนสีสดๆ นั้นเริ่มจะหม่นหมองลง

เสียงเศษกรวดเศษดินโดนบดเบียดแทรกเข้ามาในโสตประสาท...มันใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนเงียบไปก่อนเสียงทุ้มจะดังขึ้นมาให้ทุกการกระทำหยุดนิ่ง


คุณแทฮยอน

เหมือนหัวใจจะหยุดเต้น...มือขาวกำด้ามจับไว้แน่นจนข้อนิ้วขึ้นสีซีด ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ได้ว่าเป็นใคร เสียงที่จำได้ขึ้นใจ...เสียงที่ฝังลึกเข้าไปในก้อนเนื้อที่อกข้างซ้าย แทฮยอนไม่แม้แต่จะหันไปตามเสียงเรียก ขายาวก้าวหนีเข้าบ้านทันทีแต่คงช้ากว่าเจ้าของแรงฉุดรั้งที่ข้อมือ

เดี๋ยวครับ

.............

คุณแทฮยอน

ปล่อยครับ

คุณโกรธผมเหรอ

ปล่อยครับ คุณมินโฮ

พูดย้ำคำเดิมออกไป...แต่เสียงที่เปล่งออกมานั้นแทฮยอนพยายามแค่ไหนเพื่อไม่ให้มันสั่นเหมือนกับใจเขาตอนนี้ แต่คงไม่สามารถพ้นการได้ยินของคนที่ยืนอยู่ในระยะประชิดแบบนี้ได้ มือใหญ่ออกแรงรั้งให้อีกฝ่ายหันมาเผชิญหน้าและสิ่งที่เห็นก็คือดวงตาที่แสนบอบช้ำนั้นมันกำลังมีน้ำใสคลออยู่ ไม่รอช้า...มินโฮตัดสินใจอุ้มคนตัวขาวขึ้นพาดบ่าทันที ไม่แม้แต่จะสนว่าบัวรดน้ำนั้นมันจะหลุดมือเจ้าของไปนอนกลิ้งอยู่บนพื้นดิน

คุณมินโฮ!!

เราต้องคุยกัน

ปล่อยผมลง!!!


แผ่นหลังสัมผัสลงกับผืนที่นอนและตามมาด้วยการกักบริเวณด้วยคนที่คร่อมอยู่ด้านบน เรียวตาสวยเบิกขึ้นกว้างด้วยความตกใจก่อนมือทั้งสองข้างจะยกขึ้นดันอกอีกฝ่ายไว้เพื่อเว้นระยะห่าง

จะทำอะไร

ผมไปทำธุระ” มินโฮเลือกที่จะไม่ตอบคำถามแต่กลับเอ่ยสิ่งที่อยากบอกให้อีกคนเข้าใจออกไป

............

กับน้องสาว

...น้องสาวงั้นเหรอ

น้องสาวที่เพิ่งเปลี่ยนมาใช้นามสกุลเดียวกันเมื่อสองปีก่อนสินะ

ฟันคู่หน้ากดลึกลงบนริมฝีปากบาง ก่อนจะปิดเปลือกตาลงพร้อมน้ำใสที่ไหลออกมาอย่างไม่คิดจะกลั้นมันไว้

...พอเถอะ...พอสักที มันเจ็บจนทนแทบไม่ไหวแล้ว


คุณแทฮยอน...” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกแผ่วเบา...ปลายนิ้วเกลี่ยเอาน้ำตาออกแต่เจ้าของชื่อกลับหันหน้าเบี่ยงหนีสัมผัสนั้น 

คุณกลับไปเถอะ

ไม่ครับ ฟังผม...

พอเถอะครับ...ต้นไม้ต้นนี้...มันเหี่ยวเฉาเกินกว่าที่จะงอกงามขึ้นมาใหม่ได้แล้ว คุณหยุดเอาหนามมาทิ่มแทงผมสักที

...มันยังไม่พอสินะ...

น้ำใสไหลอาบแก้มพร้อมหัวใจที่บีบรัดแรงจนเจ็บ อย่ามารู้จักกันอีกเลย...กว่าที่แผลเหวอะหวะในใจมันจะแห้งจนกลายเป็นแผลเป็น...กว่ามันจะฟื้นฟูขึ้นมาได้อีกครั้ง มันยากยิ่งกว่าตอนที่หัวใจพังยับเยินเสียอีก


แทฮยอน....

.............

เรารักกัน ผมกับคุณเราเคยเป็นแฟนกัน

...ผม...จำมันไม่ได้

เรายังจำกันได้

ไม่......

ผมจะทำให้คุณรู้ว่าร่างกายคุณยังจำผมได้....

เรายังจำพี่ได้...แทฮยอน

ริมฝีปากบางถูกประกบเข้าหาทันทีก่อนที่จะได้เอ่ยห้ามอะไรออกไป มือที่พยายามผลักอกกว้างถูกรวบขึ้นไว้เหนือหัวด้วยแรงจากมือใหญ่เพียงมือเดียว กลีบปากสีสดถูกบดคลึง...ดูดเม้มจนช่วงลมหายใจเริ่มขาดหาย เผลออ้าปากออกกว้างหวังหอบเอาอากาศเข้าปอด แต่ดูเหมือนมันจะเป็นการเปิดโอกาสให้อีกคนได้รุกล้ำเข้ามามากขึ้น 

ลิ้นร้อนเกี่ยวรัดอย่างโหยหา...

...สัมผัสที่ห่างหายไปร่วมสองปี...สัมผัสที่เคยเป็นของมินโฮ...

...คิดถึงเหลือเกิน...


เสียงหอบหายใจดังถี่เมื่อริมฝีปากถูกปล่อยให้เป็นอิสระ แรงที่เคยต่อต้านนั้นหยุดนิ่งอย่างเหนื่อยอ่อน กลีบปากสีสดฉ่ำน้ำ...มันช้ำเจ่อเพราะแรงดูดเม้มจากเจ้าของลมร้อนที่ยังไม่ผละห่างไปไหน จมูกโด่งคลอเคลียอยู่ที่ผิวแก้มใส กลิ่นหอมอ่อนๆ ปะปนไปกับกลิ่นดอกไม้ที่ยังอบอวลอยู่ในห้อง...กลิ่นของนัมแทฮยอนทำให้มินโฮใจเต้นรัวได้ทุกครั้ง

...ครั้งนี้ก็เช่นกัน


ริมฝีปากถูกครอบครองอีกครั้งก่อนลมหายใจร้อนจะไล่เรื่อยมาตามปลายคาง...หน้าอกบางที่กระเพื่อมขึ้นลงแรงเพราะหอบเอาออกซิเจนเข้าปอด กางเกงนอนขายาวที่ชายด้านล่างเปรอะเปื้อนไปด้วยดินถูกถอดออกอย่างเบามือ 

...ปลายเท้าเลอะไปด้วยเศษดินถูกมินโฮแนบจูบลงอย่างไม่นึกรังเกียจ...ไล่ขึ้นมายังน่องขาว...ต้นขาด้านใน...กดจูบเน้นย้ำทุกพื้นผิวเนียนที่ไล้ผ่านจนมาหยุดอยู่ที่ผ้าเนื้อนิ่มบริเวณกลางลำตัว...ส่วนอ่อนไหวของคนที่นอนหอบหายใจแรงอยู่ตอนนี้กำลังตื่นตัว เฉียดปลายจมูกเข้าหาอย่างจงใจ ลมหายใจร้อนรดผละแผ่วอยู่ตรงนั้นเพียงเสี้ยวนาทีก่อนจะเลยขึ้นไปแนบจูบร้อนลงกับแอ่งสะดือ

...กล้ามเนื้อหดเกร็งพร้อมเสียงหวานเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากบวมเจ่อที่เม้มเข้าหากันแน่น...

ช่วงขายาวถูกดันอ้าออกกว้างให้มากพอที่จะแทรกตัวเข้าไปอยู่ตรงกลางได้ ยอดอกสีสดกำลังชูชันล่อตาผ่านเสื้อนอนสีอ่อนจนอดไม่ได้ที่จะต้องลงไปครอบครอง

อื้อ...

...ลิ้นร้อนดุนดัน ดูดคลึง...

ละเลียดช้า...แต่เน้นย้ำ

คุณ...มิ..นโฮ...

เสียงหวานครางอื้ออึงในลำคอเมื่อผิวเปลือยเปล่าถูกอีกคนสัมผัส ตาบวมช้ำที่คลอไปด้วยน้ำสีใสกำลังปรือปรอย...สบเข้ากับตาคมที่จ้องมองมา

...สติแทฮยอนกำลังเลื่อนลอย...เคว้งคว้างอยู่ในความฝันจากอดีต

ใช้เวลาไม่นานร่างเปลือยเปล่าก็ปรากฏชัดแก่สายตา แสงจันทร์นวลไร้เมฆบดบังกำลังสาดส่องมาที่ผิวเนื้อขาวที่ตอนนี้...มันแดงก่ำเพราะคนที่คร่อมตัวอยู่ด้านบนเฝ้ามอบจูบแสนหวานให้อย่างไม่รู้จักพอ ความคิดถึงและโหยหาที่มากมายนี้ จะทำอย่างไรให้มันหายไปจนหมด...

...กลิ่นกายที่แสนคุ้นเคยอบอวลไปทั่วห้อง....ร่างกายที่เคยสัมผัสแนบแน่นอยู่ตอนนี้...ทั้งคู่กำลังเติมเต็มให้กันอีกครั้ง...ร่างกายบิดเร้าไปตามแรงรักที่ฝังแน่นเข้ามาจนลึก

เสียงครางกระเส่าดังไปทั่วห้องแข่งกับเตียงไม้ที่โยกไปมา

...เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังเบาไปตามจังหวะการเน้นย้ำ...บดคลึงเข้าไปจนสุด


พี่รักเรานะ แทฮยอน....” 

...กระซิบคำรักแผ่วเบา


...ยังรักเสมอ....

....รักมาตลอดไม่เคยเปลี่ยน


รัก...รักมาก

...ไม่เคยมีใครมาแทนที่ได้...ไม่เคยคิด...

..

...เรา...กลับมารักกันนะ




.


..


..พี่...มินโฮ....

ขอให้นี่เป็นฝันดีเพียงครั้งเดียว...และครั้งสุดท้าย

...ก่อนที่ตะวันจะพ้นขอบฟ้า


สัมผัสจูบแผ่วเบาที่ริมฝีปากพร้อมน้ำตาที่ยังไม่เหือดแห้ง

ผมก็รักพี่...รักมาตลอด


..

.

ลาก่อน...







แขนยาววาดออกไปด้านข้างหวังจะได้กอดเจ้าของกลิ่นหอมเอาไว้ในอ้อมอก แต่ความเย็นเยียบของที่นอนกลับเป็นสิ่งที่มินโฮได้รับในเช้าวันใหม่ ตาคมลืมตื่นขึ้นทันทีก่อนจะมองไปรอบห้องเพื่อหาคนที่เขานอนกอดไว้ทั้งคืน...

...ว่างเปล่า...

รีบยันตัวเองลุกขึ้นยืนทีนที ประตูห้องถูกกระชากออกอย่างแรงก่อนเสียงทุ้มจะตะโกนลั่นเรียกหาเจ้าของบ้าน มีแต่ความเงียบที่ได้รับกลับมา ไม่มีใครอยู่ทั้งนั้น...แทฮยอนไม่อยู่แล้ว 

กลีบดอกสีน้ำตาลร่วงหล่น...ปลิวมาอยู่ที่ปลายเท้าเปลือยเปล่า มินโฮก้มลงหยิบมันขึ้นมาก่อนจะมองไปทางที่สายลมพัด หน้าต่างบานสี่เหลี่ยมเปิดทิ้งไว้...กับกุหลาบเหี่ยวเฉานับร้อยดอกในแจกันสีอิฐ ขายาวก้าวตรงไปพร้อมหัวใจที่บีบรัดอยู่ในอก มือใหญ่หยิบมันขึ้นมาก่อนกลีบใบสีน้ำตาลแห้งกรอบจะแหลกสลายไปกับมือ เหลือไว้เพียงก้านหนามแหลมคม

...เขาทำมันพังอีกแล้ว...

เปลือกตาปิดลง...ก่อนน้ำใสจะไหลอาบแก้มช้าๆ 

...ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นนานนับนาที ปลายนิ้วไล่เกลี่ยไปกับผิวแห้งเหี่ยวของมัน ก่อนหน้ามันเคยสวยงาม...กุหลาบสีน้ำเงินแสนแปลกตาที่แทฮยอนชอบ เขาไม่เคยลืม...สีน้ำตาลเฉาๆ ของมันกองรวมกันอยู่ที่พื้นโต๊ะ ลมพัดมาอีกระลอก เผยให้เห็นกระดาษแผ่นเล็กสีขาวที่โผล่พ้นออกมาให้เห็น คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันก่อนจะหยิบมันขึ้นมา ลายมือที่แสนคุ้นเคยกับหมึกสีดำสองประโยคที่ทำให้หัวใจกระตุกวูบ


ยังรักเสมอ และ....ไม่เคยลืม...


ไม่ต้องรออะไรอีกแล้ว ขายาวรีบออกจากตัวบ้านไปทันที....ก่อนที่มันจะพังย่อยยับไปมากกว่านี้ เขาต้องเอาแทฮยอนคืนมา...


จุดหมายปลายทางคือร้านขายของชำสองชั้น จักรยานสองล้อถูกทิ้งลงพื้นอย่างไม่ใยดีเมื่อเจ้าของมันมาถึง ประตูถูกกระชากเปิดออกด้วยความแรงเรียกให้เจ้าของบ้านวัยเจ็ดสิบต้องหันไปมองคนที่ยืนหอบหนักอยู่กลางร้าน

ว่าไงพ่อหนุ่ม

แทฮยอน...

...............

....คุณตาครับ

คุณกลับไปเถอะ

แทฮยอนอยู่ที่นี่ใช่ไหมครับ

เสียงทุ้มเอ่ยถามอีกครั้งอย่างกระวนกระวาย หากแต่คนถูกถามกลับทำแค่มองตอบกลับเท่านั้น ตาคมที่จ้องมองมานั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวด

....หัวใจของซงมินโฮกำลังเจ็บ...

ขอแทฮยอนคืนให้ผมเถอะ....ผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเขา

ประโยคที่ใครๆ ต่างพูดกันจนดูแสนน้ำเน่าแต่กับความรู้สึกตอนนี้ มันไม่ใช่เลย...มินโฮรู้สึกแบบนั้นจริงๆ เขาอยู่โดยขาดแทฮยอนไม่ได้ ผิวแก้มเปียกชื้นอีกครั้ง น้ำตาที่ไม่เคยเสียให้ใครนอกจากคนในครอบครัวและ...คนรัก มันเคยไหลอาบแก้มจนแทบเป็นสายเลือดมาแล้วเมื่อสองปีก่อน แล้วมันก็เกิดขึ้นอีกครั้ง

แต่คุณก็ทิ้งให้แทฮยอนมันอยู่คนเดียวมาเกือบสองปีเต็ม อย่ามาเห็นแก่ตัวแถวนี้

ผม....

ถ้าคนที่มาเอาใจหลานข้าไปแล้วไม่คิดจะดูแล ก็เอาคืนมา นี่หลานข้า ข้าดูแลเองได้

ยังไม่ทันได้อธิบายอะไร เสียงแหบพร่าก็ดังแทรกขึ้นมาพร้อมแก้วสีฟ้าครามที่ถูกปาเข้าใส่คนที่ยังยืนอยู่กับที่ไม่ไปไหน ไม่คิดเบี่ยงหลบใดๆ มันโดนเข้าที่ขมับ...เลือดสีสดไหลเป็นทาง เสียงของแตกกระทบพื้นดังลั่นก่อนความเงียบจะเข้าปกคลุมไปช่วงอึดใจ 

แก้วใบนี้ หลานข้าเป็นคนซื้อให้ ข้ารักมันมาก...แต่มันเทียบไม่ได้เลยกับความรู้สึกของแทฮยอน มันแตกสลายยิ่งกว่าแก้วใบนี้เสียอีก

สภาพที่เห็นแทฮยอนตอนเช้า...มันเหมือนย้อนกลับไปเมื่อสองปีที่แล้ว

...หัวใจพังๆ บอบบางจนแทบแตกสลาย...


ผมรักเขา...

................

รักแบบไม่มีข้อแม้ รักมาตลอด รักเสมอและไม่เคยมีใครมาแทนที่ได้” ไม่ใช่คำพูดลมๆ แล้งๆ ทั้งหมดมันกลั่นออกมาจากใจ 

เหตุการณ์เมื่อตอนนั้นผมยอมรับว่าผมผิด ผมขอโทษที่ทำให้แทฮยอนเสียใจ ผมกับจีฮเยเราหมั้นและแต่งงานกันจริงตามข้อตกลงของผู้ใหญ่ แต่เธอยอมหย่าให้ผม เพราะ...

ข้าไม่จำเป็นต้องรับรู้

ไม่ครับ คุณตาต้องรู้ ผมอยากให้ทุกคนเข้าใจว่าที่ทำไป...ผมพยายามหาทางออกมาตลอด และเพราะเธอรู้ว่าผมรักเขา.....

ผมรักแทฮยอน

ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่น...น้ำตายังไหลลงมาเป็นสาย ขายาวทรุดตัวลงคุกเข่ากับพื้นอย่างหมดแรง มันเจ็บไปหมด ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายกำลังบีบรัดอย่างทรมาน ดวงตาฝ้าฟางจ้องมองผู้ชายที่มาอ้อนวอนขอความรักคืนอีกครั้งนิ่งก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน 

ได้ยินแล้วใช่ไหม...แทฮยอน

......!!!!

ชื่อที่ถูกเรียกกับประโยคคำถามของผู้สูงอายุเพียงคนเดียวในตอนนี้ทำให้คนที่ยืนหลบอยู่หลังกำแพงกั้นกับคนตัวสูงที่นั่งอ่อนแรงอยู่ตรงหน้าลืมตาโพลงด้วยความตกใจ เสียงสะอื้นที่พยายามกลั้นไว้คงไม่สามารถปิดบังคนเป็นตาได้ แทฮยอนสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะเดินออกมาพร้อมดวงตาแดงก่ำ...น้ำตายังไหลเป็นสาย

แทฮยอน!!” มินโฮรีบลุกขึ้นยืนพร้อมจะพุ่งตัวเข้าหาแต่อีกคนกลับผละถอยหลังทำให้การกระทำนั้นหยุดชะงักลง ดวงตาฝ้าฟางมองทั้งสองคนสลับไปมา

...เด็กสองคนนี้กำลังเจ็บปวดจากความรักที่มีให้กัน...

ก่อนจะตันสินใจเดินเข้าไปหาหลานชายคนโต มือเหี่ยวย่นตบเข้าที่ไหล่สั่นเทิ้มนั้นเบาๆ

ถ้ายังรัก...ก็อย่าทำให้ตัวเองเจ็บอีกเลย

คนเป็นตาได้เดินจากไปแล้ว เหลือไว้เพียงความเงียบกับแววตาไหวระริกคลอไปด้วยน้ำตาที่เอ่อนองสองคู่มองกันไม่ละไปไหน

แทฮยอน

..............

ฟังพี่ก่อน วันนั้นจีฮเยมาหาพี่เพราะเรื่องเอกสารการหย่า พี่กับเธอหย่ากันแล้ว

.............

เรา...กลับมารักกันได้ไหม


ไม่มีคำตอบให้กับคำอ้อนวอนนั้น เสียงความเงียบที่ดังอื้ออึอยู่ในหู...เพียงการสูดอากาศเข้าจนสุดปอดก่อนจะตัดสินใจ...

ยังครับ...ยังไม่ใช่ตอนนี้

พี่ขอโทษ...

เสียงทุ้มแหบพร่า...มันสั่นไปพร้อมกับใจที่กลัวคำตอบจากคนตรงหน้า ถ้าหากไม่ได้รับโอกาสนั้นแล้ว ซงมินโฮคงเจ็บเจียนตาย

จะให้พี่ทำยังไงก็ได้

ถ้าผมหายไปอีก...พี่จะตามหาผมไหม

ทำไม...

ผมขอเวลา...ได้ไหม

ไม่ว่าแทฮยอนจะไปอยู่ไหน พี่ก็จะหาเราให้เจอ”  ถ้อยคำยืนยันที่หนักแน่นแทนคำสัญญา ด้วยหัวใจดวงนี้ที่มอบให้แทฮยอนไปจนหมดแล้ว...

งั้นขออีกสักครั้ง...ขอเวลาให้ผมอีกสักครั้ง แล้วเมื่อตอนนั้นเราพบกัน...

ริมฝีปากคลี่ออกเป็นรอยยิ้มจาง...น้ำตาที่พรั่งพรูออกมา

...กับรอยกรีดของแผลนับร้อยในอกข้างซ้ายที่ต้องการการเยียวยาอีกครั้ง

..

.

เราค่อยมาปลูกต้นไม้ด้วยกันนะครับ





.


.




เสียงประกาศชื่อสถานีดังมาจากลำโพงภายในรถไฟใต้ดินก่อนประตูจะเปิดออกกว้าง ผู้คนแน่นขนัดไปทั่วพื้นที่ในยามเวลาเลิกงานแบบนี้ ขายาวก้าวเดินไปตามฝูงมวลมนุษย์เงินเดือนที่ต้องการลงสถานีนี้เช่นเดียวกับเขา ถุงผ้าใบใหญ่ถูกกระชับไว้แน่นกลัวว่ามันจะหลุดมือไป ใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีในการปลีกตัวออกมาจากความวุ่นวายนั้นได้ มือขาวยกขึ้นเกี่ยวผมเส้นเล็กที่มันลงมาปรกหน้าทัดไว้ที่หูอย่างเดิม 

...คราวหน้าจะไม่ออกมาซื้อของเวลานี้อีกแล้ว...

ยืนบ่นกับตัวเองในใจแบบนั้นก่อนจะถอนหายใจเบาออกมาหนึ่งที ทางเดินริมฟุตบาทมีผู้คนหนาตาแต่ก็ไม่เท่ากับสถานีรถไฟใต้ดินเมื่อกี้นี้ เจ้าของช่วงขายาวออกเดินไปตามทาง รองเท้าผ้าใบสีเขียวหม่นเหยียบย่ำไปบนพื้นปูนที่ถูกย้อมไปด้วยแสงสีส้มยามเย็น พระอาทิตย์ใกล้จะตกดินแล้ว...เดินไปตามทางที่ผู้คนเริ่มบางตาลงจนมาถึงอพาร์ทเม้นท์สูงเพียงห้าชั้นที่ห่างไกลผู้คน แตะคีย์การ์ดเพื่อปลดล็อคห้องก่อนจะพาตัวเองเข้ามาด้านในและแสงไฟก็สว่างตามมา 

...แค่ออกไปซื้อของแต่เหมือนใช้พลังงานไปเยอะเหลือเกิน...

ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างหมดแรง แต่นั่นแหละ...นั่งพักได้ไม่นานเสียงเรียกเข้าจากมือถือก็ดังขัดจังหวะขึ้นจนคิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างขัดใจแต่สุดท้ายก็ยอมหยิบมันขึ้นมากดรับอยู่ดี

ว่าไง

—“แป๊บนะ ตาจะคุยด้วย”—

อือ

—“ฮัลโหล”—

ครับตา

—“เป็นไงบ้างเรา สบายดีใช่ไหม”—

สบายดีครับ ไม่ต้องห่วงนะ

—“แล้วจะกลับบ้านวันไหนน่ะ ฮึ”—

อ่า...คิดไว้ว่าน่าจะอีกสองอาทิตย์นะครับ

—“อ่อ ได้ๆ ดูแลสุขภาพด้วย ข้าวปลาไม่ค่อยจะกิน ผอมไปหมดแล้ว”—

คนโดนบ่นได้ยิ้มให้กับโทรศัพท์ทั้งๆ ที่ปลายสายไม่เห็นแท้ๆ 

ครับ ตาเอาเวลาไปบ่นดงฮยอนมันเถอะ น่าจะมีเรื่องให้บ่นเยอะน่าดู

—“ไม่ต้องห่วงรายนั้นหรอก ข้าจะแพ่นกบาลมันแตกอยู่ทุกวัน”—

ได้ยินอย่างนั้นพร้อมเสียงโวยวายที่ดังลอดออกมาทำให้อดที่จะหัวเราะเสียงดังไม่ได้ เขาวางใจถูกคนใช่ไหมที่ให้น้องชายตัวแสบคอยดูแลคนเป็นตา ไม่รู้ว่าใครดูแลใครกันแน่ ตากับหลานอีกสองคนคุยกันต่ออีกสองสามประโยคแล้วก็ต้องรีบจบบทสนทนาเพราะเสียงเคาะประตูจากด้านนอกเรียกให้เจ้าของห้องต้องรีบวางสาย

บานประตูถูกเปิดออกกว้าง...

...พร้อมลมหายใจสะดุดเมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า...

...ก้อนเนื้อในอกซ้ายกระตุกแรงเมื่อเสียงทุ้มที่แสนคุ้นเคยดังออกมาจากริมฝีปากสีสดที่คลี่ยิ้มให้อยู่ตอนนี้...


สวัสดีครับ ผมเป็นเพื่อนบ้านใหม่เพิ่งย้ายมาเมื่อวาน

.................

ซงมินโฮครับ

.

.

ผม...นัมแทฮยอน



ยินดีที่ได้รู้จักครับ










--------------- Pricked ----------------



writer : @r_she_08


#510330tracks

track, beating and them



Comments

Popular posts from this blog

[ Take me out ] - END

[ Take me out ] - 01

[ Take me out ] - 03